จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ตุงล้านนา


ตุง “ ตุง ” เป็นภาษาล้านนาใช้เรียก “ ธง ” ทุกชนิดว่า ตุง
ไม่ว่าจะเป็นแบบผืนยาวๆ ผูกติดยอดเสาปล่อยชายห้อยลงมา หรือ แบบเป็นผืนสามเหลี่ยมสี่เหลี่ยมสั้นๆ
ผูกให้ห้อยลงมาหรือผูกด้านขวางให้ชายตุงไปทางด้านข้างๆ ตุงมีหลายขนาดหลายแบบหลายสี
ทำจากวัสดุหลายชนิด เช่น ผ้าทอเป็นผืนทึบตลอดทั้งผืน หรือทอทึบสลับกับลายโปร่งตลอดทั้งผืน
ทำจากกระดาษสา กระดาษสี ไม้กระดานเป็น โลหะทองคำ ทองเหลือง เหล็ก สังกะสี ตะกั่ว ดีบุก
ตุง มีหลายชนิดหลายแบบ แต่ละแบบแต่ละชนิดมีรูปร่าง สี การประดับตกแต่ง
วิธีทำและใช้ประโยชน์เนื่องในงานพิธีกรรม แตกต่างกันออกไปแล้วแต่กรณีความเชื่อในเรื่องตุงหรือการ
“ ตานตุง ” และใช้ตุงในพิธีกรรมต่าง ๆ ดังนี้

๑ . เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงถึง ชัยชนะ ความปิติชื่นชม เกียรติยศ ความสำเร็จ

๒ . เป็นเครื่องหมายแสดงที่ตั้ง สถานที่จับจอง

๓ . เป็นการอุทิศ ส่วนบุญกุศลแก่ตัวเอง และแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ให้อยู่สุขสบายหลุดพ้น จากห้วงนรก

๔ . ใช้เป็นเครื่องบูชาเทวดา ภูตผี ในพิธีสืบชะตา สะเดาะเคราะห์

๕ . เป็นเครื่องหมายนำขบวนแห่เครื่องไทยทาน (ริ้วธง) เช่น ตุงจ้อจ้าง
และนำขบวนแห่ศพเข้าสู่ป่าช้า คือตุงสามหางความจริง ผู้คนสมัยก่อน
เลื่อมใสนับถือพระพุทธศาสนาอย่างลุ่มลึกด้วยความบริสุทธิ์ใจ
จึงได้มีการกล่าวถึงพระพุทธเจ้าถึง ๕ พระองค์
และได้คิดสร้างสรรค์ประดิษฐ์ตุงไจยเพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้า
ทั้ง ๕ พระองค์ด้วยตุงไจยที่มีองค์ประกอบดังนี้

- ประดิษฐ์ ตัวไก่ จับบนก๊าง (ค้าง) ตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันโธ
- ประดิษฐ์ตัวตุงให้ยาวดั่ง ตัวนาค เพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า โกนาคม
- ประดิษฐ์ลวดลายตารางตกแต่งตัวตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสโป
- ประดิษฐ์ลูกตาวัว เครื่องประดับตัวตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ (องค์ปัจจุบัน)
- ประดิษฐ์ก๊าง (ค้าง) ตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตร
ซึ่งจะมาบังเกิดอีกราว ๒๕๐๐ ปีข้างหน้า เมื่อประดิษฐ์ตุงไจยเสร็จจะนำน้ำขมิ้นส้มป่อยมาประพรมไล่เสนียดจัญไร
สิ่งไม่พึงประสงค์ออกไปจากตุง ให้หมดใสงดงามไร้มลทิน หลังจากนั้นจัดทำสวย (กรวย) ดอกไม้
จัดขัน (พาน) เพื่อนำตุงวางในขันแล้วนำไปถวายพระด้วยจิตใจปลื้มปิติ
ก้มกราบรับพระในรำลึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์
ด้วยเชื่อและหวังให้ตุงนำวิญญาณขึ้นสวรรค์เมื่อตนเองสิ้นชีวิตไปแล้ว
หลังจากถวายตุงแล้วนำตุงมัดปลายก๊างติดปลายเสา
นำเสาตุงไปฝังใกล้ขอบทางเดินแล้วนำหลักสั้นไปตอกใกล้โคนเสาตุงเพื่อผูกมัด
เสาตุงติดหลักให้มั่นคงแล้วปล่อยให้ตุงแขวนติดก๊างให้ปลายตุงด้านล่างสูงราว
ศีรษะของเจ้าของเชื่อว่าตุงได้พ้นจากผิวพื้นดินไม่ปนเปื้อนฝุ่น
ปล่อยให้ตุงโบกไสวสง่างามบอกให้เทวดาฟ้าดินรับทราบถึงศรัทธาใบบุญ
แต่เจ้าของตุงบางคนไม่นิยมนำตุงไจยไปปักกลางแจ้ง ก็จะนำตุงไปแขวนบูชาไว้ในพระวิหาร
แขวนในโบสถ์ให้ตุงเป็นเครื่องสักการะพระพุทธเจ้าอย่างถาวร หลังจากนั้นจึงทำการหยาดน้ำตาน (ทาน)
ตุงอีกครั้งฝากบอกเทวดาฟ้าดินขอให้ปกปักรักษาตุงมิให้เสียหาย
- อานิสงส์การทานตุงจึงเกิดความเชื่อนิยมกันมาเป็นลำดับมิเสื่อมคลาย
ในมวลหมู่ชาวพุทธในดินแดนล้านนา
- เป็นที่น่าเสียดายปัจจุบันคนบางกลุ่ม บางคนกลับนำตุงไจยที่หมายถึงถึงชัยมงคล
ชัยชนะแก่สิ่งเลวร้าย ชนะอาถรรพ์เสนียดจัญไรกลับนำตุงไจยมาประดับตามร้านค้าไม่เว้นแม้แต่บาร์คลับ
ผับเทค สถานที่อโคจร 

ตุงมีหลายชนิด ดังนี้

ตุงมงคล

๑ . ตุงไจย (ธงชัย , ธงไชย) โดยมากทำด้วยผ้าขาว อาจมีสีอื่นบ้าง เช่นเหลือง เขียว เป็นผืนยาว
ประดับตกแต่งด้วยลวดลายเป็นรูปดอก พานดอก ปราสาท คน เทวดา ช้าง ม้า นาค ทำเป็นปล้องๆ
หรือขั้นๆ แต่ละขั้นมีไม้สอดแบ่งไว้ ตรงหัวไม้ขั้นจะตกแต่งด้วยมาลัย สร้อยดอก ช่อดอกใบ
ไฮทั้งสองข้างแกว่งไหวสวยงาม ส่วนชายตุง หรือตีนตุง หรือเสื้อตุงก็จะตกแต่งด้วยมาลัย
สร้อยร้อยลูกเดือย เป็นตาข่ายห้อยด้วย ดอกจุมบี๋กระดาษสวยงามส่วนหัวตุง จะทำเป็นลวดลายด้วยไม้
เป็นห่วง (ว้อง) ประมาณ ๓ ห่วง หรือทำเป็นลวดลายต่าง ๆ นำไปผูกกับไม้คานที่เสียบกับคันตุง
ตรงหังตุงนี้หมุนได้ตามแรงลมพัด อาจจะมีการตกแต่งยอดคันตุงให้สวยงามพิศดารออกไปแล้วแต่ “ สล่า ”
ตุงทำเป็นท่อน ๆ ยาวไม่ต่ำกว่า ๗ ท่อน แต่ละท่อนยาว ๙ นิ้ว ในช่วงแต่ละท่อนหรือข้อ
ใช้ไม้ตึงขวางไว้ เพื่อไม่ให้ ตุงพับพันกันเมื่อลมพัดและไม่ให้ตุงยับยู่ยี่
ตุงไจยยังแบ่งออกเป็น

ก. ตุงใย ทำด้วยเส้นด้ายเรียงกันเป็นแผงโดยมีไม้คั่นเป็นขั้น ๆ ตั้งแต่หัวถึงตีน (ชาย) ตุง
จะทอทึบเฉพาะส่วนตรงกลาง ระหว่างคั่นที่มีไม้สอดเท่านั้น
ข. ตุงตั๋น (ทึบ) ทำด้วยเส้นด้ายทอทึบเป็นผืนมักจะทอเป็นรูปต่าง ๆ มีทั้งทอยก และทอจก
ซึ่งเรียกตามภาษาชาวบ้าน ว่า “ เก็บดอก ” บางแห่งใช้วิธีทำสลับกัน คือทอทึบสลับโปร่ง
เป็นช่วงๆ หรือโปร่งเฉพาะหัวตุง ชายตุง หรือตรงกลาง หัวตุงก็มี
ตุงไจย ใช้เป็นเครื่องหมายแสดงถึงชัยชนะ ความสำเร็จ ความปิติยินดีชื่นชม เป็นเกียรติ
จึงใช้ร่วมขบวนแห่ หรือปักไว้ในบริเวณงาน หรือสองข้างทาง เนื่องในงานปอยหลวง
ซึ่งอาจจะเป็นการฉลองถวายทานโบสถ์ วิหาร กุฎิ กำแพง และใช้ในเทศกาลอันเป็น
มงคลทั้งหลาย
๒ . ตุงกระด้าง ทำด้วยไม้กระดานเป็นแผ่น แกะสลักลวดลายทึบและโปร่งด้วยการฉลุลาย เรียกว่า
“ ต้องลายผดหล่าย ” ลงรักปิดทอง หรือทา ด้วยน้ำหาง (ชาด) บางอันอาจประดับด้วยแก้วสีสวยงาม
เมื่อถวายทานแล้วใช้ประดับในวิหารโดยตั้งหรือแขวนสองข้างพระประธาน

๓ . ตุงซาววา ลักษณะเหมือนตุงไจยทุกประการ แต่มีความยาวถึง ๒๐ วา
แต่ต่อมาอาจจะสั้นหรือยาวกว่าเล็กน้อยก็คงเรียกว่า ตุงซาววา
เมื่อทานแล้วใช้ประดับในวิหารโดยพาดกลับไปกลับมาบนขื่อวิหารที่พาดกลับไปกลับมาก็เพราะตุงยาวมาก
หากใช้ร่วมขบวนแห่ ต้องให้คนหลาย ๆ คน ช่วยถือตั้งแต่หัวถึงหางตุง
หากจะเก็บหรือประดับนอกวิหารนอกอาคารก็ต้องใช้เสาหลักทำเป็นราวห่างกัน ประมาณ ๑ วา เป็นช่วงๆ
แล้วนำตุงนี้วางพาดบนราวนั้น
๔ . ตุงใส้จ้าง (ไส้หมู ตุงพญายอ) เป็นตุงรูปร่างทรงกลมรี ยาวประมาณ ๑ ศอก
ใช้ประดับคัวตานเพื่อความสวยงาม หรือใช้ปักบนกองเจดีย์ทรายในวันพญาวัน ป๋าเวณีปี๋ใหม่ ตุงไส้จ้าง
ทำด้วยกระดาษสี สองสีขึ้นไปซ้อนกัน ๒-๓ แผ่น พับหลายชั้นแล้วพับทะแยงมุมเป็นรูปสามเหลี่ยม
ปลายแหลม ใช้มียับ (กรรไกร) ตัดสลับกันซ้ายขวา
แต่อย่าให้ขาดจากกันส่วนปลายแหลมไปจนถึงส่วนที่เป็นฐานสามเหลี่ยม
แล้วตัดเป็นรูปลวดลายดอกต่างๆ แล้วแต่ถนัด เสร็จคลี่ออก
ใช้มือล้วงเข้าไปจับส่วนปลายแหลมด้านในกลับออกมา ( ปิ้นในเป๋นนอก) แล้วสลัด ( สะวัด)
ให้กระดาษยืดออก จะทำให้ตุงมีสปริง สลับสีสวยงาม
๕ . ตุงตั๋วนาม ( ตุงสิบสองราศี ) ทำด้วยกระดาษหรือผ้าขาว ถ้าเป็นกระดาษมักจะเป็นกระดาษสา
ตุงนี้โดยมากไม่ค่อยเห็นมีลูกคั่น หรือไม้คั่นเป็นท่อน ๆ ในตัวตุงจะเขียนหรือพิมพ์ เป็นรูปสัตว์ตามราศี
ทั้งสิบสองราศี เรียกว่า “ ตั๋วนามปี๋เกิด ” ตั้งแต่ปีแรก คือ

ไจ้ (หนู)
เป้า (งัว)
ยี (เสือ)
เม้า (กระต่าย)
สี (นาค)
ไส้ (งู)
สะง้า (ม้า)
เม็ด (แป๊ะ , แพะ)
สัน (อี่วอก)
เล้า (ไก่)
เสด (หมา)
ไก่ (จ้าง)
ขนาดของตุงประมาณ ๓-๔ นิ้ว ยาว ๒ ศอก ใช้ถวายทานเจดีย์ทราย
โดยนำไปปักบนกองเจดีย์ทรายในวันพญาวันเทศกาลสงกรานต์ (ปี๋ใหม่) และ
บางครั้งใช้ในพิธีกรรมสืบจ๊ะต๋า (สืบชะตา)
๖ . ตุงจ้อจ้าง ทำด้วยผ้า หรือ กระดาษ เป็นผืนขนาดใหญ่รูปสามเหลี่ยม บางทีก็เรียกว่า
“ ตุงสามเหลี่ยม ” เพราะมีขนาดใหญ่จึงเรียกว่า “ จ้อจ้าง ” ขนาดความกว้างตรงฐานสามเหลี่ยมประมาณ
๒ ศอก ความยาวประมาณ ๑ วา การตกแต่ง อาจจะปักลวดลาย ดอก รูป สัตว์ในนิยาย
หรือทำเป็นลายปรุโปร่ง ขลิบขอบตุงทั้งสองด้าน
ใช้เสียบกับคันที่ยาวพอเหมาะโดยพับผ้าตรงฐานสามเหลี่ยม เป็นตุงที่ปล่อยชาย
ไปทางด้านขวางคล้ายธง ใช้เป็นตุงร่วมขบวนแห่คัวตานในงานปอยหลวง กฐินบางแห่งเรียกว่า
“ ตุงจ้อนำตาน ”
๗ . ตุงเจดีย์ทราย นอกจากตุงตั๋วนามแล้ว ยังมีตุงที่ทำด้วยกระดาษหลากสีเล็กๆ
รูปร่างเรียวยาวหลายขนาดแต่ไม่ใหญ่โต กว้างประมาณ ๓-๔ นิ้ว ยาวประมาณช่วงแขน
หรือเล็กกว่านี้ผูกติดคัดไม้เดี่ยวและเป็นกลุ่ม โดยผูกติดกับกิ่งไม้หลายอัน
ใช้ปักบนเจดีย์ทรายในวันขึ้นปี๋ใหม่
๘ . ตุงจ้อน้อย คือ ตุงจ้อจ้าง ตุงสามเหลี่ยม ขนาดเล็ก สีต่าง ๆ ใช้ประดับคัวตานและร่วมกับตุงอื่นๆ เพื่อความสวยงาม
๙ . ตุงสามเหลี่ยม (ตุงกฐิน) ทำด้วยผ้าขาว เขียนรูป ตะขาบ จระเข้ ปลา เงือก ปัจจุบันมีรูปร่างทั้งสามเหลี่ยมและสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้ร่วมขบวนแห่กฐิน และนำ ไปปักไว้หน้าวัดที่มีศรัทธา “ จองทอดกฐิน ” เมื่อมีตุงนี้ปักไว้ที่วัดแสดงว่าวัดนี้มีผู้ “ จองกฐิน ” แล้วผู้อื่นจะมาทอดซ้ำมิได้
๑๐ . ตุงร้อยแปด ทำด้วยกระดาษเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ง่าย ๆ หลายสี ใช้ในพิธีกรรมสืบชะตา สะเดาะเคราะห์
๑๑ . ตุงปันจ้อ (พันช่อ) ทำด้วยกระดาษขาวเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็กๆ
มีจำนวนถึงหนึ่งพันช่อติดคันสั้นปักบนฟ่อนหญ้าคา ผูกติดตามเสาวิหาร หรือแขวน ไว้ตามขื่อวิหาร
ใช้ในการบูชากัณฑ์เทศน์มหาชาติ ทั้ง ๑๓ กัณฑ์ รวม ๑ , ๐๐๐ คาถา มักใช้ในงานวัน “ ยี่เป็ง ”
๑๒ . ตุงค่าคิง ทำด้วยผ้าหรือกระดาษ สีขาวกว้าง ๔ - ๖ นิ้ว
ความยาวยาวเท่าความสูงของตัวคนที่จะทานตุง หรือทำพิธีสืบชะตาของตัวเอง
๑๓. ตุงพระเจ้าสิบจาด (ตุงทศชาติ , ทศปรามี) เป็นตุงที่ทำด้วยวัสดุต่างๆ
เพื่อบูชาพระปัญญาบารมีแห่งการเสวยพระชาติของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้ง ๑๐ ชาติ
ก่อนที่จะจุติเสวยพระชาติที่ ๑๑ เป็น “ พระพุทธเจ้า ” ตุงนี่จึงมีถึง ๑๑ ตุง แต่เรียกว่า “ ตุงพระเจ้าสิบจาด ”
มีทั้งหมดดังนี้แบ่งตามวัสดุที่ใช้ทำ

- ตุงดิน บูชา พระชาติเตมียะ
- ตุงทราย บูชา พระชาติชน
- ตุงไม้ บูชา พระชาติสุวรรณสาม
- ตุงจืน (ตะกั่ว) บูชา พระชาติเนมิราช
- ตุงเหียก ( ดีบุก) บูชา พระชาติมโหสถ
- ตุงเหล็ก บูชา พระชาติภูริทัต
- ตุงตอง (ทองเหลือง) บูชา พระชาติจันทกุมาร
- ตุงข้าวเปลือก บูชา พระชาตินารทะ (นารอท)
- ตุงข้าวสาร บูชา พระชาติวิฑูร
- ตุงเงิน บูชา พระชาติเวสสันตระ (เวสสันดร)
- ตุงทองคำ หรือ ตุงคำ บูชา พระชาติสิทธัตถะ (พระพุทธเจ้า)
๑๔ . ตุงพระบด (พระบฏ) เป็นผืนใหญ่ ขนาด ๒ X ๔ ศอก เขียนรูปพระพุทธเจ้าไว้ตรงกลาง
ใช้ประดับฝาโบสถ์วิหาร ทำเป็นคู่ ๆ ประดับฝาทั้งสองด้าน คล้ายตุงกระด้าง
๑๕ . ตุงยอดพระธาตุ (จ้อตุง) ทำด้วยโลหะที่มีค่า เช่น เงิน ทองคำ ทองเหลือง เป็นรูปสามเหลี่ยม
ขนาดไม่จำกัด ใช้ประดับบนยอดพระธาตุเหนือจากฉัตรขึ้นไป ที่ประเทศพม่านั้น “ จ้อตุง ”
ทำเป็นคัดสวมลงในกระบอกสามารถหมุนได้ เมื่อลมพัดมา นอกจากจะสวยงานแล้ว
ยังสามารถบอก ทิศทางลงได้อีกด้วย ตุงยอดธาตุ ถือว่าเป็นของมีค่าและสำคัญ
๑๖ . ตุงแฮ คือตุงที่ทำด้วย ผ้าแฮ ( ผ้าที่โปร่งบางอ่อน) แต่ไม่ใช่ผ้าแพรซึ่งทึบแต่อ่อนพริ้ว
ปัจจุบันมักเข้าใจว่าเป็นอันเดียวกัน มีลักษณะ
หลายรูปแบบใช้ประโยชน์หลายอย่างตามรูปแบบตุงเพียงแต่ทำด้วย “ ผ้าแฮ ” เท่านั้น
๑๗ . ตุงไม้ ที่ประดับด้วยวัสดุต่างๆ เช่น ประดับหรือฉาบด้วยทราย เรียกว่า “ ตุงทราย ” วัสดุอื่นๆได้แก่
ตุงข้าวเปลือก ตุงข้าวสาร ตุงแก้ว ตุงดิน ใช้ในพิธีกรรมและงานบุญต่าง ๆ
๑๘ . ตุงฮาว เป็นรูปสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ทำด้วยกระดาษ หรือผ้า เป็นสีต่าง ๆ ขนาดประมาณฝ่ามือ
หรือโตกว่านั้นเล็กน้อย ใช้ประดับอาคาร ประรำผามเบียง เต้น รั้ว โดยทากาวติดกับเส้นด้าย เชือกมัดขึง
ใช้ในงานบุญ วันสำคัญ ปัจจุบันมักจะเป็นธงชาติ ธงเสมาธรรมจักร ตุงอวมงคล
ตุงอวมงคล
๑๙ . ตุงแดง ทำด้วยผ้าสีแดง ลักษณะคล้ายตุงไจย แต่ต่างกันตรงสี ที่เป็นสีแดง
หากมีคนตายมักจะตายด้วยอุบัติเหตุ หรือตายโหง หลังจากนั้น ๗ วัน หรือภายใน ๗ วัน
จะต้องนำตุงแดงมาปักไว้ตรงจุดที่ตาย พร้อมกองทรายกองใหญ่ ๑ กอง กองเล็ก ๑๐๐ กอง
และเครื่องสังเวย ( ขันข้าว) มาทำพิธีตานตุง เพื่อให้วิญญาณผู้ตายหลุดพ้นไปผุดไปเกิด
ไม่เป็นผีวนเวียนอยู่ตรงนั้น นอกจากนี้ตุงแดงยังสามารถ ทานแก่ผู้ล่วงลับไปแล้วในวันปีใหม่ได้อีกด้วย
ใช้เป็นเครื่องอุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่ผู้ตาย และสูตถอน


๒๐. ตุงสามหาง ทำด้วยผ้าสีขาว หาง (ชายตุง มี ๓ แฉก) ใช้นำหน้าศพ
ตุงสามหางทำขึ้นตามคติความเชื่อกันว่า เมื่อตายแล้ววิญญาณจะต้องไปเกิดในภพภูมิใดภพหนึ่ง ตามกุศลผลบุญที่ได้เคยแต่งสร้างไว้ หวังให้หางตุงทั้งสาม พัดพานำเอาวิญญาณไปสู่ภพภูมิที่ดี
หางทั้งสามมีผู้รู้นักปราชญ์ได้อธิบายความหมายไว้ว่า

1.พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือแก้วทั้งสาม
2.อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
3อกุศลมูล3 โลภ โกรธ หลง
4.กมภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ
5เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
6.วัฏฏะทั้งสาม กิเลส กรรม วิบาก

ตามคติของชาวล้านนาถือว่ามนุษย์ทุกคนย่อมมีวันพ่ายแพ้ต่อพญามัจจุราช การถือตุงสามหางนำหน้าศก็เปรียบเสมือนการยอมพ่ายแพ้ต่อพญามัจจุราช โดยใช้นำหน้าขบวนศพไปสู่สุสานป่าช้า มีลักษณะ2แบบคือ

ของพระสงฆ์นิยมใช้ผ้าสีเหลือง หรือนำผ้าสบงผืนใหม่มาตัดทำเป็นรูปตุงประดับลวดลายด้วยกระดาษเงินกระดาษทอง

ของชาวบ้านทั่วไป นิยมใช้กระดาษสา หรือผ้าขาวมาตัดให้เป็นรูปตุง ประดับด้วยลวดลายพื้นเมือง



ตุงสามหางเป็นตุงที่ใช้ในงานอวมังกะละ(มงคล)หรืองานศพ  ผู้คนล้านนามีความเชื่อเกี่ยวกับตุงสามหางด้วยว่าเป็นตุงที่ทำให้วิญญาณผู้ ตายได้ไปสู่สวรรค์เพราะเชื่อกันว่าตุงสามหางเหมือนดั่งธงในสวรรค์ชั้น ดาวดึงส์เมื่อนำมาถือนำหน้าศพไปสู่ป่าช้าก็เหมือนดั่งนำเอาดวงวิญญาณผู้ตาย ไปสู่สวรรค์นั่นเอง
ตุงสามหางต้องทำด้วยผ้าสีขาวผ่องใส ส่วนวิธีการทำมีข้อแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น  บางแห่งมีการตั้งขันครู ไหว้สาครูก่อนแล้วให้สะหล่า(ช่าง)เป็นผู้ทำ  บางแห่งอาจให้ปู่อาจารย์วัดเป็นผู้ทำ  เพราะเชื่อกันว่าตุงสามหางเป็นตุงอวมงคล  ผู้ทำต้องมีคาถาอาคมแก่กล้า  หรือต้องเป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับช่างทำตุงโดยเฉพาะ  เป็นต้น  เรื่องนี้มักขึ้นอยู่กับผู้คนแต่ละพื้นที่
เมื่อได้ผ้าขาวมาแล้ว บางตำราให้กะแบ่งเป็นสี่ส่วน  ตัดทำเป็นตัวตุงหนึ่งส่วน  ตัวตุงสองส่วน และหางตุงอีกหนึ่งส่วน  รูปร่างลักษณะตุงสามหางให้ตัดแต่งคล้ายรูปลักษณะของคน โดยส่วนบนตัดแต่งเป็นศีรษะ อาจแต่งเป็นแหลมหรือมนโค้งแล้วแต่สะหล่า(ช่าง)จะทำกัน  ส่วนตัวตุงตัดแต่งโค้งเว้าคล้ายแอว(เอว)คน และส่วนล่างที่เป็นหางให้แบ่งออกเป็นสามส่วนตัดแบ่งออกเป็นสามหางให้สวยงาม ก็จะได้ตุงสามหาง  ส่วนการตกแต่งอาจนำผ้า ด้ายกระดาษ อะไรๆก็ได้ นำมาติดขลิบริมขอบให้สวยงาม  ส่วนข้างบนที่หัวตุงจะเขียนชื่อ   วันเดือนปีเกิด วันที่เสียชีวิตติดแปะไว้ให้ผู้คนได้อ่าน เป็นข้อมูลให้ทราบว่าผู้ตายชื่ออะไร ชาตะ(เกิด)วันใดปีใด   มตะ(ตาย)วันใดปีใด  อายุรวมกี่ปี  ผู้ที่ไปงานศพก็จะได้ทราบข้อมูลผู้ตายอย่างย่อได้    การใช้ตุงสามหางจะให้คนแบกนำหน้าขบวนศพไปสู่ป่าช้า
ช้อน่าสังเกตเกี่ยวกับผู้แบกตุงสามหาง  หากท่านไปงานศพลองสังเกตดูให้ดีๆจะพบว่าผุ้ที่แบกตุงสามมักเป็นคนที่ติด เหล้า   เป็นผู้ที่ยากจน  รูปร่างผอมกะหร่องหรือเป็นขี้หย้องหม่องแซเป็นคนยากไร้รับจ้างทั่วไป หรือเป็นคนมักไม่เต็มบาท  เพราะเชื่อกันว่าตุงสามหางเป็นตุงที่เกี่ยวกับผีๆ แม้แต่ลูกหลาน ญาติพี่น้องผู้ตายก็ไม่นิยมถือแบกนำหน้าศพผู้ตายซึ่งเป็นญาติหรือพ่อแม่    นานๆครั้งจึงจะเห็นญาติหรือเพื่อนผู้ใกล้ชิดผู้ตายจะมาแบกตุงสามหางนำหน้าศพ และจะรวบหางตุงมิให้ปลิว  เพราะผู้คนบางท้องถิ่นเชื่อกันว่าจะทำให้ดวงวิญญาณผู้ตายไม่ไปสู่สวรรค์  อย่างไรก็ตามยังมีข้อแตกต่างเรื่องของความเชื่อกันอยู่บ้างขึ้นอยู่กับท้อง ถิ่นและความเชื่อ
อาถรรพ์และความเชื่อเกี่ยวกับตุงสามหางมีมานานกล่าวคือเมื่อตุงสามหางนำ ศพไปถึงป่าช้าแล้วผู้ที่ถือพระคาถาหรือเล่นเกี่ยวกับยันต์  การปลุกเสกต่างๆมักจะตัดเอาตุงสามหางมาใช้ทำเสน่ห์ เท่าที่พบเห็นจากเรื่อง ลิลิตพระลอตอนที่ปู่เจ้าสมิงพรายเอาตุงสามหางทำเสน่ห์ให้พระลอหลงรักพระ เพื่อนพระแพงว่า" ปู่ก็เอาธงสามชาย  รายยันต์มากกว่าเก่า  เขียนพระลอเจ้าอยู่กลาง  เขียนสองนางแนบสองข้าง  กอดเจ้าช้างรัดรึง  ชักทึงท้าวชวนเต้า.." จะเห็นว่าปู่เจ้าสมิงพรายเอาธงสามชาย(ตุงสามหาง)มาทำมนต์
เสน่ห์ เรื่องของตุงสามหางที่ใช้ในการทำเสน่ห์นั้น..ว่ากันว่าถ้าได้ตุงสามหางของคนที่ตายวันเสาร์แล้วเผาวันอังคารนั้นแรงนัก แต่หาได้ยากยิ่งครับ..ผมใช้เวลากว่า1ปีถึงจะได้มา และก็เหมือนว่าเป็นอาถรรพ์ เพราะได้ตุงของเพื่อนที่ไม่เจอกันนานเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง จากนั้นนำไปให้พระอาจารย์ที่วัดแห่งหนึ่งในอ.สันกำแพงเขียนยันต์และปลุกเสกให้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก...อ.นิคม พรหมเทพ
 http://www.pooyajaonai.com