จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ครูบาฯอุ๊กแก็ส

ดือนเก้า เดือนหมาเฒ่านอนน้ำ ตามคำโบราณว่าไว้ แดดร้อนแสบไหม้ ท้องฟ้าใสสอาด ปราศจากดินแดงฝุ่นมุกค้างกลางหาว เพราะโดนฝนหัวปีชะล้างจนหมดสิ้นแล้ว ตะวันจึงแผดจ้าอบใบไม้ป่งใหม่ไหม้ม้าน ช่วงปีใหม่สงกรานต์คนต่างถิ่นมาแอ่วเชียงใหม่เมืองพิงค์กันหลวงหลายเต็มบ้านเต็มเมือง ฝ่ายทางการท่องเที่ยวแถลงข่าวว่า คนน้อยกว่าทุกปี น้อยจนรถยนต์รอบคูเมืองไม่ติดขัด ซึ่งน่าจะติดค้างดับแช่เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ปีนี้อุตส่าห์ขุดลอกคูเมืองเติมน้ำจนเต็มปริ่มเพื่อให้ลงเล่นม่วน โรงแรมและบรรดาสรรพสินค้าที่หวังหากินกับแขกต่างบ้านก็ผิดหวังค้างเคิ้น ทั้ง ๆ ที่น่าจะทำใจว่า เชียงใหม่เมืองพิงค์มันเปลี่ยนแปลงจากยุคสาวเครือฟ้าบัวบาน มาเป็นสาวสายเดี่ยวเที่ยวผับกันแล้ว อันที่เคยดีเคยงามเป็นธรรมชาติเป็นเมืองโบราณ ผองเราก็ละเลยล่มม้างเสียหมดสิ้น เฮ้ย กำลังบ่นส้ามอยู่นะ
ตั้งใจจะพูดเรื่องพระเรื่องเจ้าอยู่แท้ ๆ แวดหวันมาสู่เรื่องโลกาภิวัฒน์จนได้ ก็เพราะช่วงปีใหม่สงกรานต์เจ้าเพื่อนชาวไทยใต้ มิตรเดียวเสี่ยวแพงของผู้เขียนขึ้นมาแอ่วแล้วก็พูดถึงเมืองเชียงใหม่ว่าเหมือนอยู่ใจกลางกรุงเทพฯไม่ผิดเพี้ยน มีแต่วัดวาอารามบางแห่งยังเป็นมนต์เสน่ห์ล้านนาอยู่ จึงเที่ยวแต่ในวัด ไปวัดแห่งหนึ่งพบคำว่าครูบา เลยถามผู้เขียนว่าคำนี้คืออะไร ไหนอธิบายมาซิ จึงได้เค้าเข้าจังหวะหาเรื่องมาเขียนฝาก เรื่องครูบา ๆ เป็นครูบาอุ๊กแก็ส แล

คำเรียกขานพระสงฆ์องค์เจ้าที่จะเขียนเล่าต่อไปนี้กำหนดเงื่อนไขเฉพาะความรู้เท่าที่มีของผู้เขียนเท่านั้นเน้อ ไม่เกี่ยวกับราชบัณฑิตทั้งหลาย รู้น้อยก็เขียนน้อยไม่ว่ากันนะ

คำว่า ธุ หรือ ตุ๊ หรือ ธุเจ้า หมายถึงพระภิกษุสงฆ์โดยทั่วไป ส่วนคำว่า พระ หมายถึง เณร ถ้าเป็นเณรน้อย เรียกว่า พระหน้อย ไม่มี ธุหน้อย มีแต่คำว่า ธุหลวง ซึ่ง หมายถึง เจ้าอาวาส คำอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับธุเจ้านั้น เมื่อบวกกับการเรียกขานตามตำแหน่งของการลำดับญาติ จะเป็นดังนี้ ธุพี่ ธุน้า ธุลุง ธุพ่อ ธุปู่ ธุอุ๊ย บางองค์บวชเมื่ออายุมากแล้ว หรือเคยครองเรือนมีลูกมีหลานได้เป็นลุงเป็นพ่อเป็นปู่ ก็เรียกขานกันตามนั้น ส่วนคำว่า ธุป้า เป็นคำเรียกขานเชิงล้อเลียนเท่านั้น ความเป็นจริงคงไม่มี

คำต่อไปนี้น่าจะเป็นคำยืมจากถิ่นอื่นมาใช้ เช่น หลวงพ่อ หลวงลุง หลวงปู่ พระอาจารย์ พระธุดงค์ คำหลังนี้คนเมืองเรียกธดุงค์เฉย ๆ ไม่มี พระ และทั้งหมดทั้งมวลนี้จะใช้คำลักษณนามว่า ต๋น กับ องค์ ไม่ใช้ รูป คำว่า องค์ นิยมใช้กับธุเจ้าหรือพระพุทธรูป เช่น ธุเจ้า 2 องค์ หรือ 2 ต๋น พระพุทธ 2 องค์ คนล้านนาเรียกพระพุทธรูปว่า พระเจ้า เช่น พระเจ้าฝนแสนห่า พระเจ้าเก้าตื้น
พระเจ้าไม้ เป็นต้น พระเครื่อง คนเมืองเรียก พระ เฉย ๆ คนไทยกลางเรียกขานพระพุทธรูปบางองค์ เป็นหลวงพ่อ เช่น หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดไร่ขิง เป็นต้น ที่นี้คำว่าครูบาที่เพื่อนชาวไทยใต้สงสัยล่ะ หมายถึงใคร

ครู บา คือคำที่ใช้เรียกขานพระเถระผู้เป็นที่เคารพนับถือ ซึ่งมักจะมีอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป ครูบา ไม่ใช่คำที่กำหนดขึ้นเพื่อเรียกขานตัวเอง ผู้ที่จะเป็นครูบานั้นมีเงื่อนไขอยู่ 3 ข้อ คือ 1. เป็นพระสงฆ์ที่มีอายุพรรษามาก (ทั้งอายุและอายุการบวช) 2. ต้องปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ (ตลอดอายุการบวช) และ 3. สร้างสิ่งดีสิ่งงามกับพระศาสนาซึ่งอาจหมายถึงศาสนสถานหรือ หรืออื่น ๆ พูดแบบชาวบ้านคือ ถ้าอายุมาก บวชมานาน แต่ไม่มีคุณสมบัติตามข้อ 2 และ 3 จะเรียกขานว่า ตุ๊ หรือ ธุ เฉย ๆ อาจเติมคำว่า ลุง ปู่ หรือ พ่อ ตามหลัง เช่น ธุลุงคำ ธุปู่เป็ง ธุพ่อแก้ว เป็นต้น หรือมีเพียงข้อ 2 และ ข้อ 3 ไม่มีข้อ 1 ก็ไม่นิยมเรียกว่าครูบา ถึงแม้จะได้รับการเล่าขานกันว่า เป็นครูบาเจ้าศรีวิชัยมาเกิดก็ตาม ผู้คนจึงล้อเลียนครูบาหนุ่ม ๆ เหล่านี้ว่า ครูบาอุ๊กแก็ส ( อุ๊กแก็ส หมายถึง บ่มด้วยแก็สเพื่อให้สุกก่อนกำหนด เช่น กล้วยอุ๊กแก็ส คือกล้วยที่บ่มด้วยแก็สเพื่อให้สุก มิใช่กล้วยที่สุกขำเครือ เป็นต้น ) ครูบาอุ๊กแก็สบางองค์ มิได้เรียกขานตัวท่านเอง หากแต่ศรัทธาญาติโยมที่เคารพนบไหว้ทั้งหลายต่างยกตำแหน่งครูบาให้ บางองค์ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพียงแต่อายุยังน้อย คือได้เป็นครูบาตั้งแต่ยังหนุ่ม ถือเป็น หน่อดีจ๋าวงาม ในวงการสงฆ์ (ถ้าบ่หลุล้มม้างไปเสียก่อน) ท่านเหล่านี้มักนุ่งห่มให้มีลักษณะเช่นเดียวกับครูบาเจ้าศรีวิชัย เช่น มีผ้ามัดอก สวมลูกประคำ ใช้พัดขนนกยูง มีไม้เท้า และที่สำคัญเป็นพระนักอนุรักษ์รังสรรค์แบบล้านนานิยม

ครูบา ยังมีอีกความหมายหนึ่งคือ เป็นคำเรียกขานตำแหน่งพระสงฆ์ของชาวไทเขินเชียงตุงอีกด้วย ตำแหน่งสูงกว่าสวามี ต่ำกว่าอาชญาธรรม ส่วนคำว่า ครูบาเจ้า นั้น เป็นคำยกย่องในฐานะนักบุญ หรือตนบุญ( คำว่า ตนบุญนี้ ต้องอธิบายยาวค่อยติดตามในตอนหลัง) เช่นครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา เป็นต้น และอีกความหมายหนึ่งตามที่บัณฑิตทางอักขระล้านนาบางท่านกล่าวว่า หมายถึงครูบาที่เป็นเจ้า คือมีเชื้อทางเจ้านายฝ่ายเหนือ เช่น ครูบาเจ้าเกษม เขมโก เป็นต้น เขียนไปเขียนมาก็ยาวอีกแล้ว ขอจบเรื่องพระเรื่องเจ้าแบบห้วน ๆ แค่นี้ แล.


วิลักษณ์ ศรีป่าซาง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น