จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

คนพยาว..มาจากไหนไผฮู้

“ภายหลังรัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าให้เจ้านายบุตรหลานจากราชวงศ์เจ้าเจ็ดตนเมืองนครลำปาง และเจ้านายเชื้อสายพะเยาเก่าจากราชวงศ์พะเยา-เวียงพร้าว ๑๒ ขุน ได้อพยพนำชาวพะเยาเก่ากลับมายังเมืองพะเยาในวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๕ โดยมีเจ้าหลวงมหาวงศ์,เจ้าอุปราชมหายศ,เจ้าฟ้าเมืองแก้วขัตติยะ, เจ้าราชวงศ์แก้วมนุษย์, เจ้าราชบุตรขัตติยะ(เจ้าอริยะ) ได้นำชาวพะเยาที่หลบหนีสงครามพม่าไปอาศัยอยู่ที่เมืองลำปางนานถึง ๕๖ ปีได้กลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิม โดยได้เข้าพำนักที่บ้านตุ่นหรือสันเวียงใหม่เป็นเวลานาน ๑ ปี จากนั้นจึงได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเวียงนครพะเยา เมื่อวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖(เดือน ๘ เหนือ) จุลศักราช ๑๒๐๖ ฉศก ปีกามสี พุทธศักราช ๒๓๘๗”(อธิบายภาพเขียนด้านบน ภาพโดย อนุวัฒน์ ไชยเมือง)


อนุวัฒน์ ไชยเมือง ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองพะเยา กล่าวว่า “เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของพะเยายุคฟื้นฟู” มีชาวพะเยาจำนวนมากที่ไม่เคยทราบข้อมูลในส่วนนี้ ส่วนให­่จะทราบแต่เพียงเรื่องราวของยุคพะเยาเก่าในสมัยพ­างำเมือง แม้แต่พะเยายุคกลาง คือ ยุคพ­าเมือง­งี่ (ต้นปฐมราชวงศ์เวียงพร้าว), พ­าหัวเคียน, พ­าเมืองตู้ ก็จะรับทราบเพียงการก่อสร้างพระเจ้าตนหลวงเท่านั้น ซึ่งชาวพะเยาในปัจจุบันนี้สืบเชื้อสายมาจากพะเยายุคกลางเป็นเชื้อสายโยนกเชียงแสนได้อพยพหนีกองทัพของพระเจ้าบุเรงนองที่ยกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ ชาวพะเยาได้ถูกพม่ากวาดต้อนไปไว้ที่เมืองหงสาวดี ส่วนหนึ่งหนีไปทางเมืองเวียงจันทร์ และส่วนสุดท้ายเป็นกลุ่มเชื้อสายราชวงศ์ที่หนีจากเมืองท่าวังทองออกไปทางแจ้ห่มและเมืองวังเหนือและข้ามเข้าไปอยู่แถบป่าทึบเมืองพร้าวในตำนานกล่าวว่าหลบอยู่นานถึง ๕ ปี ภายหลังพม่าที่ครองเชียงใหม่จึงป่าวประกาศให้ผู้ที่หลบซ่อนตัวตามป่าเขาเข้าไปสวามิภักดิ์และให้ผู้ที่สืบทอดเชื้อสายเจ้าเมืองเก่าไปปกครองเมืองพะเยาตามเดิมโดยยึดเอาบุตรหลานของเจ้าเมืองไปเป็นตัวประกันที่เมืองหงสาวดี

อาจารย์ศักดิ์ รัตนชัย ได้มาสอบถามข้อมูลเรื่องวงศ์เจ้าพะเยาที่เมืองพะเยา เมื่อปี ๒๕๑๘ โดยมาพบปะกับทายาทเจ้าหลวงเมืองพะเยาหลายสายตระกูล โดยมีแม่เจ้าสวน ศักดิ์สูงได้ให้ข้อมูลว่า เจ้าพะเยาสืบมาจากเชื้อสายเจ้าเวียงพร้าว คือเป็นเชื้อสายของพ­าเมืองตู้ และท่านได้นำทีมงานสถานีโทรทัศน์ลำปางเข้าไปสำรวจเส้นทางการอพยพของชาวพะเยาหนีพม่ายุคก่อนในป่าเมืองแจ้ห่ม เมืองวังเหนือ เมืองงาว เมืองพร้าว พบถ้ำต่างๆที่ใช้เป็นที่หลบภัยของชาวพะเยาท่านมีหลักฐานหลายชิ้นที่จะนำมาเปิดเผยในอนาคตนี้
ส่วนขุนเจื่อง, พ­างำเมืองและพ­าเมงรายนั้น อ.ศักดิ์ ระบุว่า ไม่ได้เป็นคนเมืองสายโยนกเชียงแสน แต่เป็นชาวลั๊วะแห่งราชวงศ์ลวจักราช แต่มีอำนาจปกครองอาณาจักรพะเยาโดยมีชาวโยนก หรือ“คนเมือง” เป็นผู้รับใช้และส่วนหนึ่งก็แฝงตัวอยู่ในตำแหน่งขุนนางหรืออำมาตยา หลังสิ้นราชวงศ์งำเมืองพะเยาแทบล่มสลายเพราะอำนาจของราชวงศ์เมงรายเข้ามาแทนที่ ภายหลังเมื่อผู้ครองเมืองเชียงใหม่วงศ์เมงรายอ่อนแอก็มักจะถูกเสนาอำมาตย์ปลดออกจากตำแหน่งกษัตริย์ได้ เมืองเชียงใหม่เข้มแข็งที่สุด คือ ในยุคของพระเจ้าติโลกราช ซึ่งยึดบรรลังก์มาจากพระเจ้าสามฝั่งแกนผู้เป็นบิดาของตัวเอง โดยมีขุนนางแห่งเมืองพร้าว คือ เจ้าหมื่นเงิน(อ้างตามบันทึกสกุลพะเยาเก่าของพ­าบุรีรัตน์เจ้าน้อยพรหม ศีติสาร ตำแหน่งผู้พิพากษาฝ่ายเสนายุติธรรมเมืองพะเยา โอรสของเจ้าหลวงไชยวงศ์) ,เจ้าหมื่นโลกนครลำปาง (คนนี้เป็นน้าของพระเจ้าติโลก) ช่วยเป็นกำลังให้ แต่ภายหลังได้ระแวงจึงสั่งสังหารผู้ที่เคยช่วยตนเองขึ้นสู่อำนาจเสียสิ้น

สำหรับมุมมองในเรื่องการเมืองการปกครองนั้น เมืองพะเยาในยุคฟื้นฟูที่มีพม่าเข้ามาเกี่ยวข้องในการปกครองรวมถึงการล่าอาณานิคมของต่างชาติ แล้วนำไปสู่การรวมราชอาณาจักรลานนาเข้ากับราชอาณาจักรสยาม โดยกุศโลบายที่แยบยลของสยาม จนทำให้อำนาจการปกครองของเจ้านายฝ่ายเหนือที่มีมายาวนานได้ล่มสลายไป

นักประวัติศาสตร์ และผู้รู้ท่านใด มีข้อมูลเพิ่มเติมต่อจากคุณอนุวัฒน์ ไชยเมือง โปรดส่งให้พะเยารัฐตีพิมพ์ เพื่อการศึกษาค้นคว้าต่อไป จักขอบพระคุณยิ่ง

ที่มาหนังสือพิมพ์พะเยารัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น