จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ลาบตนเมือง (ภาคจบ)

4.และแล้วทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยประมาณเวลา 9 โมงเช้า ได้เวลาที่มวลสมาชิกจะนั่งล้อมวงกันกินลาบ ควันลอยขึ้นมาจากลาบคั่วและข้าวเหนียวร้อน ๆ กลิ่นลาบคั่วหอมกรุ่นคลุกเคล้าด้วยกลิ่นผักชนิดต่าง ๆ และเพื่อให้แต่ละคนได้กินอย่างสะดวก จึงมีการแบ่งเป็นวงเล็ก ๆ 4-5 วงนั่งอยู่ติดกัน เสียงคุยกันสนุกสนานผสมกับเสียงร้องเชิญเพื่อนบ้านที่ผ่านไปมาให้มากินร่วมกัน
แม้ลาบดิบไม่มีควันลอยและกลิ่นหอมกรุ่นแต่ไกล แต่นั่นคืออาหารหลักของมื้อนั้น ในความเย็นของลาบดิบ เนื้อลาบที่คลุกกับน้ำพริกและเครื่องเทศเมื่อได้กินกับผักหลายรส (กับเหล้าหลายจอก) ก็ไม่มีใครบรรยายความร้อนแรงของลาบดิบได้ นอกจากต้องกินเอง
ว่ากันว่าปริมาณของเครื่องเทศในลาบของคนเมือง มีมากพอที่จะทำลายพยาธิทั้งหลายในเนื้อดิบได้หมด คนเมืองถึงได้อยู่รอดมาจนถึงวันนี้ แต่ฝ่ายวิชาการด้านอาหารเห็นด้วยหรือไม่
เมื่อลาบเป็นสุดยอกอาหาร วิธีการกินก็หลากหลาย เช่นเวลาลุงแก้วมากินลาบที่บ้านของสิงห์คำ ลุงแก้วจะต้องนั่งกินคนเดียว ลุงแก้วถือว่าลาบเป็นของสูง แกจึงไม่กินข้าวเหนียวกับลาบ แต่จะกินลาบอย่างเดียวเท่านั้น ลุงแก้วกินลาบกับผักต่าง ๆ เต็มกะละมังใหญ่ พร้อมด้วยเหล้าขาว 1 ขวด แกจะนั่งกินทุกอย่างจนหมด และจะไม่กินอะไรอีกเลยในวันนั้น
สิงห์คำชอบนั่งกับวงผู้ใหญ่ผู้ชาย สิงห์คำชอบดูใบหน้าอันเปี่ยมสุขของพ่อและลุงอาทั้งหลาย แต่บ้านนี้ไม่เห็นใครกินหลู้ สิงห์คำสอบถามแล้ว พ่อกับลุงอาชอบกินหลู้เวลาไปกินที่ร้านขายลาบ-หลู้-เหล้า แต่ไม่ชอบทำเองเพราะเสียเวลา จึงทำแต่ลาบอย่างเดียว
ผู้หญิงหลายคนก็กินลาบดิบ บางคนก็ขอบกินลาบคั่ว แม่ของสิงห์คำชอบกินลาบคั่ว และไม่เคยกินลาบดิบ แม้แม่จะนั่งกินอีกวงหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรแม่ก็ยังคงเป็นแม่ที่ดีเลิศ ขณะที่ทุกคนทำส่วนประกอบขอบลาบ แม่จะจัดเวลาปิ้งตับ หรือ "จิ้นปิ้ง" แม่ยังทำจอผักกาด หรือแกงปลี ฯลฯ เพื่อให้ลูกหลานและผู้หญิงได้กินกับข้าวหลายอย่าง และแน่นอน ที่ขาดไม่ได้คือการทำลาบคั่ว แล้วแม่ก็แบ่งกับข้าวเหล่านั้นมาให้สิงห์คำ
สิงห์ คำจดจำภาพที่พ่อกับลุงอาร่วมกันทำลาบอย่างมีความสุข เช่นเดียวกับภาพของแม่และญาติผู้หญิงทั้งหลายที่ช่วยกันทำให้งานสำคัญนี้ ลุล่วงไปได้ด้วยดี สิงห์คำชอบลาบดิบของพ่อมากพอ ๆ กับลาบคั่วของแม่ ลาบดิบไม่มีกลิ่นเครื่องเทศฉุนแตะจมูก แต่รสชาติเข้มข้นและร้อนแรงเฉียบขาด ส่วนลาบคั่วที่ร้อน ๆ จากกระทะนั้น ทั้งหอมเครื่องเทศและรสเผ็ดสุดยอดอร่อยยิ่งได้ข้าวเหนียวร้อน ๆ และมีผักหลาย ๆ ชนิด ได้กินลาบที่บ้านก็เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้า
เวลาที่ตักลาบเข้าปากนั่นแหละ ถึงรู้ว่านั่นคือมันอร่อยทั้งที่ลิ้นและที่ใจที่รู้ว่านั่นเป็นผลพวงของฝีมือรวมหมู่ที่ทุก ๆ คนช่วยกันทำงานลงแรงตั้งแต่เช้ามืด มันอร่อยเสียจนสิงห์คำกินตับปิ้ง จอผักกาด กับแกงปลีเพียงคำ 2 คำเท่านั้น เพื่อไม่ให้แม่เป็นห่วงสิงห์คำชอบการทำลาบช่วงหน้าหนาวเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะอากาศที่หนาวเย็น ได้กินเครื่องในทอดกรอบที่กำลังร้อน กินลาบที่รสจัด เครื่องเทศและผักบางชนิดที่ทำให้ร้อนไปทั้งสิ้น และท่ามกลางญาติพี่น้อง บรรยายคึกคัก ทำให้ร่างกายอบอุ่น คลายหนาว
กินอิ่มแล้ว สิงห์คำกับน้องและลูกพี่ลูกน้องอีก 5-6 คน ยังนั่งล้อมวงดูลุงแก้วกินลาบกับผัก 1 กะละมังใหญ่ ลุงแก้วยังกินไม่อิ่ม ลาบยังไม่หมด ผักก็เพิ่งพร่องไปไม่ถึงครึ่งกะละมัง เหล้ายังมีอีกครึ่งขวด แต่สายตาของลุงแก้วบอกชัดว่าของดี ๆ อย่างนี้ต้องค่อย ๆ กิน และกว่าทุกอย่างจะหายเข้าไปในท้องของลุงแก้วก็เกือบเที่ยงวันโน่น
5.เมื่อสิงห์คำเรียนจบและถึงเวลารับปริญญา พ่อกับแม่และน้อง ๆ ก็ลงไปร่วมงานที่เมืองหลวง สิงห์คำพาทุกคนไปกินไก่ย่างและลาบอีสานข้างสนามมวยบนถนนราชดำเนิน นั่นเป็นครั้งแรกที่แม่และน้องสาว (และทุกคนยกเว้นสิงห์คำ) ได้กินลาบอีสานก่อนสิ้นทศวรรษที่ 2510
แม่กับน้องสาวชมแล้วชมอีกว่าลาบอีสานอร่อยแท้ ทั้งเผ็ด ทั้งเปรี้ยวถึงใจสตรีชาวเหนือ พ่อไม่พูดอะไร แต่ก็ค้อนให้หลายวง สิงห์คำรู้ใจพ่อดี แม้พ่อจะกินไก่ย่างกับลาบอีสานอย่างเรียบร้อยไม่มีปัญหา แต่สิงห์คำก็รู้ดีว่าพ่อคิดถึงอะไร
สิงห์คำคิดว่าลาบอีสานก็อร่อยโดยเฉพาะรสเปรี้ยวด้วยมะนาว ที่ลาบของคนเมืองไม่มี แต่สำหรับเขากับพ่อ ไหนเลยจะสู้ลาบเมืองที่พรั่งพร้อมด้วยเครื่องเทศ เครื่องในที่กรอบและมัน หนักที่รสเผ็ด เค็มมัน และรสและกลิ่นของผักนานาชนิดได้
แน่นอน คนอีสานย่อมบอกว่าลาบของตนเองอร่อยที่สุด ถูกต้องแล้ว ความอร่อยของอาหารในแต่ละถิ่นย่อมวัดจากการลงทุนลงแรงของชีวิต เลือดเนื้อและการหลอมรวมวัฒนธรรมของบ้านตัวเองที่สั่งสมและสืบทอดกันมาเป็นเวลานาน บ้านใครบ้านมัน
6.วันนี้ไม่มีพ่อกับแม่อีกแล้ว ลุงแก้วก็จากไปแล้ว พี่น้องต่างแยกย้ายกันไปตามหน้าที่การงานและครอบครัวของแต่ละคน แต่อายังอยู่อีกหลายคน สิงห์คำเสนอว่าอย่างน้อยญาติพี่น้องได้จัดเวลาพบปะกัน ร่วมกันทำลาบและกินลาบด้วยกันปีละครั้งในหน้าหนาวก็ยังดี
แผ่น ดินล้านนาเวลานี้มีร้านขายลาบ-หลู้เยอะแยะ ไม่เหมือนหลายสิบปีก่อนที่แทบจะไม่มีร้านขายลาบ-หลู้ ไม่ว่าที่ไหน เศรษฐกิจสินค้าที่เติบโตในสังคมปัจจุบันทำให้สตรีคนเมืองจำนวนมากทำลาบดิบ ขาย รสชาติอร่อยมากไม่แพ้ฝีมือผู้ชายคนเมืองในอดีต
เดินเข้าไปในตลาด เลือกเอาเลยว่าจะซื้อลาบแบบใด ลาบลอ ลาบดิบ ลาบคั่ว ลาบเป็ด ลาบเห็ด ลาบอีสาน กระทั่งมีคนนำเอาลาบดิบมาทอดเป็นลูกกลม ๆ ขายแบบลูกชิ้น หรือจะขับรถไปที่ร้านขายลาบ-หลู้ มีหลายร้านที่ทำลาบเมืองได้อร่อยนัก เมื่อทุกวันนี้ มีลาบ-หลู้คอยสนองความต้องการของผู้บริโภคเป็นจำนวนมากทุกวัน ทั้งที่ในตลาดและตามร้านขายลาบ-หลู้ทั้งหลาย กิจกรรมการทำลาบร่วมกันในหมู่สมาชิกครอบครัวจึงหมดไป การตั้งวงใหญ่เพื่อทำลาบและกินลาบก็หมดความจำเป็น เพราะเวลานี้ คนเดียวหรือ 2-3 คนก็กินลาบได้ทุกวัน ทุกมื้อ จะไปที่ไหนก็หาซื้อลาบมากินได้ทันที
และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตลาดและร้านขายอาหารเมืองจะอยู่และเฟื่องฟูต่อไปเพื่อรับใช้ความต้องการของคนเมืองในสังคมปัจจุบัน เพียงแต่ว่าอย่าลืมชักชวนพี่น้องของเราให้ได้พบปะกันบ้าง ซื้ออุปกรณ์ทุกอย่างมาร่วมกันทำลาบที่บ้าน แล้วก็อย่าลืมทำสวนครัวปลูกผักหลาย ๆ ชนิดไว้กินกับลาบที่ครอบครัวช่วยกันทำเอง หรือจะเก็บผักจากสวนครัวมากินกับลาบที่ซื้อมาจากตลาดก็ได้
ว่าแต่ว่า วันนี้ คุณกับครอบครัวยังกินลาบเมืองกันบ้างหรือเปล่า หรือว่ากินไม่เป็นแล้ว

โดย ธเนศวร์ เจริญเมือง ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์พลเมืองเหนือ
   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น