จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

นาค - พญานาค ตามความเชื่อของล้านนา


นาค เป็นอมนุษย์ มีพละกำลังมหาศาล ทรงอานุภาพด้วยอิทธิฤทธิ์ อาศัยอยู่ใต้บาดาลที่เรียกว่า นาคพิภพ รูปร่างทั่วไปลักษณะคล้ายงู โดยปกตินาคสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ แต่ก็มีข้อยกเว้น คือในเวลา เกิด ตาย นอนหลับ ร่วมเพศและเวลาลอกคราบ การแปลงกายของนาคมิใช่ว่าจะแปลงได้ทุกแห่ง เพราะนาคมี ๒ ประเภท คือนาคที่แปลงกายได้เฉพาะบนบก เรียกว่า ถลชะ และนาคที่แปลงกายได้เฉพาะในน้ำเรียกว่า ชลชะ

ในวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนากล่าวถึงนาคโดยละเอียดไว้มากมาย ในที่นี้จะไม่ขอกล่าวถึง แต่จะเชื่อมโยงบทบาททางความเชื่อของคนล้านนา ว่านาคนั้นมีบทบาทใดบ้าง ดังจะได้เสนอเป็นลำดับไป
นาคให้น้ำ

ชาวล้านนาเชื่อว่า ในแต่ละปีน้ำจะน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับจำนวนของนาคที่ขึ้นมาพ่นน้ำให้ฝนตก หากปีใดนาคมีจำนวนน้อย ปีนั้นน้ำจะมีมาก แต่ถ้าปีใดนาคมีจำนวนมากปีนั้นน้ำจะมีน้อย เพราะถ้ามีนาคหลายตัวจะเกี่ยงกันพ่นน้ำ และการจะดูว่าปีไหนนาคจะให้น้ำกี่ตัว ก็มีสูตรในการดูซึ่งมีอยู่หลายตำรา ที่ดูง่ายที่สุด คือดูจากปีนักษัตร อย่างเช่นที่ปรากฏในคัมภีร์พับสาของวัดศรีมงคล อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ได้ระบุจำนวนนาคในแต่ละปีไว้ดังนี้


ปีใจ้ (ชวด) ๘ ตัว
ปีเป้า (ฉลู) ๒ ตัว
ปียี (ขาล) ๕ ตัว
ปีเหม้า (เถาะ) ๔ ตัว
ปีสี (มะโรง) ๓ ตัว
ปีใส้ (มะเส็ง) ๗ ตัว
ปีสะง้า (มะเมีย) ๒ ตัว
ปีเม็ด (มะแม) ๗ ตัว
ปีสัน (วอก) ๔ ตัว
ปีเร้า (ระกา) ๖ ตัว
ปีเส็ด (จอ) ๙ ตัว
ปีใก๊ (กุน) ๓ ตัว

นาครักษา

ในแต่ละปีจะมีการพยากรณ์ในใบประกาศสงกรานต์ที่เรียก "หนังสือปีใหม่" นอกจากจะบอกจำนวนนาคให้น้ำแล้ว ยังปรากฏว่านาคมีหน้าที่รักษาปี รักษาป่า และรักษาน้ำ โดยดูจากตัวเลขเศษจากการนำเอาตัวเลขจุลศักราชหารด้วย ๑๒ หากเศษ ๓ หรือ ๕ นาคจะรักษาปี (บางตำราว่ารักษาป่า) เศษ ๔ หรือ ๙ นาครักษาน้ำ (บางตำราว่ารักษาป่า)

นาคพ่นพิษ

จากตำรา นาคผู่พิษ ของวัดกิตติวงศ์ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวถึงพญานาคตนหนึ่งลำตัวยาวใหญ่กระหวัดรัดโลกมนุษย์ไว้ พอถึงวันและเวลาตามกำหนดจะชูคอขึ้นพ่นพิษลงพื้นโลก ทำให้ผลร้ายบังเกิดแก่มนุษย์ที่ประกอบกิจกรรมในช่วงวันเวลานั้น ๆ เนื้อหาของตำราดังกล่าวพอสรุปได้ว่า

เดือนใดก็ตาม ในวันขึ้น ๔ ค่ำ และขึ้น ๑๐ ค่ำ พญานาคจะพ่นพิษในตอนกลางคืน ผู้ใดแต่งงาน จะเลิกร้างกันในที่สุด

เดือนใดก็ตาม ในวันขึ้น ๙ ค่ำ และขึ้น ๑๕ ค่ำ พญานาคจะพ่นพิษในตอนกลางวัน กระทำการมงคลใดจะกลับกลายเป็นอัปมงคลไปสิ้น

เดือนใดก็ตามในวันแรม ๓ - ๔ ค่ำ และวันเดือนดับ พญานาคจะพ่นพิษในตอนกลางวัน ไม่ควรสร้างบ้านใหม่ ไม่ควรออกเดินทางไปแสวงลาภ ไม่ควรแรกปลูกต้นไม้จะทำให้เกิดความเสียหายตามมา
นาคหันหัว
ในแต่ละเดือน นาคจะหันหัวไปในทิศต่าง ๆ ในการปลูกบ้านจะต้องดูทิศนาคหันหัวก่อน เพื่อเลือกขุดหลุม วางมูลดินและหันปลายเสาให้ถูกต้อง ทั้งนี้ตำราโบราณท่านระบุทิศหัวนาคท้องนาคและหลังนาคพร้อมทิศในการเลือกขุด หลุมเสาเล่มแรก การวางมูลดินและหันปลายเสาไว้ดังนี้
เดือน หัว ท้อง หลัง หลุมเสา มูลดิน ปลายเสา
๓ ๔ ๕ เหนือ ตะวันออก ตะวันตก ตะวันตกเฉียงใต้ เหนือ ใต้
๖ ๗ ๘ ตะวันตก ใต้ เหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออก ตะวันตก
๙ ๑๐ ๑๑ ตะวันออก เหนือ ใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตก ตะวันออก
๑๒ ๑ ๒ เหนือ ตะวันตก ตะวันออก ตะวันออก ใต้ เหนือ

สมมุติว่าถ้าจะปลูกบ้านในเดือน ๓ ๔ ๕ ให้เลือกขุดหลุมเสาที่อยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ก่อน มูลดินที่ขุดขึ้นมาให้วางไว้ปากหลุมทิศเหนือ วางเสาให้หันปลายเสาไปทางทิศใต้ หากกระทำการดังนี้ พญานาคจะพึงพอใจ และบันดาลให้เจ้าเรือนมีความสมบูรณ์พูนสุข

อนึ่ง การไถนาก็เช่นกัน จะต้องไม่ไถไปทางทิศที่นาคหันหัวไป เพราะถือว่าเป็นการ "เสาะเกล็ดนาค" คือไถย้อนเกล็ดนาค ซึ่งถือเป็นการฝืนหรือต้านอิทธิพลพญานาคผู้ดูแลผืนดิน ผลที่ตามมาคือมักมีอันเป็นไปต่างๆ นานา เช่นไถหัก วัวควายตื่นกลัว คนไถได้รับอันตรายหรือข้าวกล้าเสียหาย เป็นต้น ส่วนทิศการหันหัวของนาคจะเป็นทิศเดียวกับทิศที่กล่าวข้างต้นหรือไม่ ยังไม่มีข้อสรุป เพราะมีตำรานาคหันหัวสำหรับการไถนาหลายฉบับ กล่าวตรงกันไว้ดังนี้
เดือน ๑ - ๓ หันหัวไปทิศใต้
เดือน ๔ - ๖ หันหัวไปทิศตะวันตก
เดือน ๗ - ๙ หันหัวไปทิศเหนือ
เดือน ๑๐ - ๑๒ หันหัวไปทิศตะวันออก

ขอที่ดินพญานาค
การปลูกเรือนสร้างบ้าน มีพิธีสำคัญอย่างหนึ่งคือการบูชาพญานาค เป็นการขอที่ดินจากพญานาคผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดิน พิธีนี้จะมีในวันยกเสาเอกหรือเสามงคล โดยเริ่มต้นด้วยการจัดเตรียมใบมะตูม ๗ ใบ ผ้าขาวยาว ๑ ศอก กระบอกไม้ไผ่บรรจุน้ำ ๗ กระบอก กระบอกไม้ไผ่บรรจุทราย ๗ กระบอก กระทงกาบกล้วย (สะตวง) กว้าง ๑ ศอก ภายในกระทงใสอาหารคาวหวาน ข้าว หมาก พลู บุหรี่ กล้วย อ้อย พริก เกลือ ข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวตอกดอกไม้ เทียน ๔ เล่ม ตุง ๔ ตัว ช่อ(ธงสามเหลี่ยม) ๔ ผืน เฉพาะตุงและช่อให้สีตามเดือนซึ่งกำหนดไว้ดังนี้
เดือน ๑ - ๓ ใช้สีขาว
เดือน ๔ - ๖ ใช้สีเหลือง
เดือน ๗ - ๙ ใช้สีเขียว
เดือน ๑๐ - ๑๒ ใช้สีแดง

หลังจากเตรียมสิ่งของพร้อมแล้ว ผู้ประกอบพิธีจะกล่าวคำโองการแล้วเอาผ้าขาวรองก้นหลุมเสามงคล เอาใบมะตูมวางบนผ้าขาวพร้อมเทน้ำและทรายลง ประพรมด้วยน้ำอบน้ำหอมน้ำส้มป่อย เอามูลดินเล็กน้อยใส่กระทงใบพลี ณ ทิศตะวันออก เป็นเสร็จพิธีขอที่ดินจากพญานาค

นาคเข้าบ้วงบาศ
นาคเข้าบ้วงบาศ หมายถึงบ่วงบาศที่เป็นงู เครื่องรางอย่างหนึ่งของชาวล้านนา ที่เชื่อว่าสามารถหายตัวได้คือ "นาคเข้าบ้วงบาศ" เวลาพบเห็นงูสองตัวกำลังกลืนหางกันอยู่มีลักษณะเป็นวงกลมโบราณท่านให้หาแผ่น ไม้หรือแผ่นหินที่มีน้ำหนักไปทับไว้ให้งูตาย แล้วปล่อยทิ้งไว้จนแห้งสนิท บ่วงงูที่กลืนหางกันนี้ หากนำมาสวมศีรษะแล้ว จะทำให้คนอื่นมองไม่เห็นตน

ยันต์รูปนาค
ด้วยความเชื่อและศรัทธาในอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของนาคจึงปรากฏรูปยันต์ที่ เป็นรูปนาคอยู่โดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นผ้ายันต์ ยันต์ที่ใช้สักบนร่างกาย หรือยันต์ที่ลงในแผ่นโลหะ เพื่อม้วนหรือคลึงเป็นตะกรุด ใช้เป็นเครื่องรางตามความเชื่อ

การอ้างนาคให้ช่วยนำกุศล
ในการทำบุญของชาวล้านนา มักมีการอ้างเอาพญานาคร่วมกับเทพองค์อื่น ๆ ช่วยนำพาเอาส่วนบุญไปส่งให้แก่ดวงวิญญาณผู้ล่วงลับ ในกรณีที่ไม่สามารถมารับได้ ดังปรากฏในคำให้พรของพระสงฆ์ที่ว่า "…แม้ว่าดวงวิญญาณของ….อยู่ที่กวงไกลมาบ่ได้ ขอฝากกับเทพไธ้มเหสิกขา พระญาอินทร์ พระญาพรหม พระญายมราช ครุฑนาคน้ำ ปรไมไอศวร…นำเอากุศลผลทานนี้ไปรอดไปเถิง…"

ดังที่ได้กล่าวมาจะเห็นได้ว่านาคมีบทบาทสำคัญในเชิงวัฒนธรรมความเชื่อของชาว ล้านนาเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ปรากฏรูปของนาคตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะศาสนสถานอันเป็นแหล่งรวมรูปสิ่งอันเนื่องมาจากพื้นฐานของศรัทธา ในเขตล้านนาโดยทั่วไป.


สนั่น ธรรมธิ
สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

1 ความคิดเห็น:

  1. สุดยอดคร่ะ เป็นคำภีร์โราณชองชาวล้านนา น้อยคนนักที่จะรุ้และเข้าใจ ช่วยกันรักษาไว้นะคะ เพราะพญานาคคือผู้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา จะทำการสิ่งใดต้องบอกกล่าวทีานก่อนทุกครั้งค่ะ ตำราต่างๆไม่ได้เพิดจากการเพัอฝัน อนุมานเอาเอง แต่มีหลักฐานจริงๆยืนยัน ส่วนจะหาเจอรึไม่ขึ้นอยุ่กับความเชื่อและศรัทธา ขออนุโมทนาด้วยนะคะ

    ตอบลบ