ตุง “ ตุง ” เป็นภาษาล้านนาใช้เรียก “ ธง ” ทุกชนิดว่า ตุง
ไม่ว่าจะเป็นแบบผืนยาวๆ ผูกติดยอดเสาปล่อยชายห้อยลงมา หรือ แบบเป็นผืนสามเหลี่ยมสี่เหลี่ยมสั้นๆ
ผูกให้ห้อยลงมาหรือผูกด้านขวางให้ชายตุงไปทางด้านข้างๆ ตุงมีหลายขนาดหลายแบบหลายสี
ทำจากวัสดุหลายชนิด เช่น ผ้าทอเป็นผืนทึบตลอดทั้งผืน หรือทอทึบสลับกับลายโปร่งตลอดทั้งผืน
ทำจากกระดาษสา กระดาษสี ไม้กระดานเป็น โลหะทองคำ ทองเหลือง เหล็ก สังกะสี ตะกั่ว ดีบุก
ไม่ว่าจะเป็นแบบผืนยาวๆ ผูกติดยอดเสาปล่อยชายห้อยลงมา หรือ แบบเป็นผืนสามเหลี่ยมสี่เหลี่ยมสั้นๆ
ผูกให้ห้อยลงมาหรือผูกด้านขวางให้ชายตุงไปทางด้านข้างๆ ตุงมีหลายขนาดหลายแบบหลายสี
ทำจากวัสดุหลายชนิด เช่น ผ้าทอเป็นผืนทึบตลอดทั้งผืน หรือทอทึบสลับกับลายโปร่งตลอดทั้งผืน
ทำจากกระดาษสา กระดาษสี ไม้กระดานเป็น โลหะทองคำ ทองเหลือง เหล็ก สังกะสี ตะกั่ว ดีบุก
ตุง มีหลายชนิดหลายแบบ แต่ละแบบแต่ละชนิดมีรูปร่าง สี การประดับตกแต่ง
วิธีทำและใช้ประโยชน์เนื่องในงานพิธีกรรม แตกต่างกันออกไปแล้วแต่กรณีความเชื่อในเรื่องตุงหรือการ
“ ตานตุง ” และใช้ตุงในพิธีกรรมต่าง ๆ ดังนี้
๑ . เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงถึง ชัยชนะ ความปิติชื่นชม เกียรติยศ ความสำเร็จ
๒ . เป็นเครื่องหมายแสดงที่ตั้ง สถานที่จับจอง
๓ . เป็นการอุทิศ ส่วนบุญกุศลแก่ตัวเอง และแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ให้อยู่สุขสบายหลุดพ้น จากห้วงนรก
๔ . ใช้เป็นเครื่องบูชาเทวดา ภูตผี ในพิธีสืบชะตา สะเดาะเคราะห์
๕ . เป็นเครื่องหมายนำขบวนแห่เครื่องไทยทาน (ริ้วธง) เช่น ตุงจ้อจ้าง
และนำขบวนแห่ศพเข้าสู่ป่าช้า คือตุงสามหางความจริง ผู้คนสมัยก่อน
เลื่อมใสนับถือพระพุทธศาสนาอย่างลุ่มลึกด้วยความบริสุทธิ์ใจ
จึงได้มีการกล่าวถึงพระพุทธเจ้าถึง ๕ พระองค์
และได้คิดสร้างสรรค์ประดิษฐ์ตุงไจยเพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้า
ทั้ง ๕ พระองค์ด้วยตุงไจยที่มีองค์ประกอบดังนี้
- ประดิษฐ์ ตัวไก่ จับบนก๊าง (ค้าง) ตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันโธ
- ประดิษฐ์ตัวตุงให้ยาวดั่ง ตัวนาค เพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า โกนาคม
- ประดิษฐ์ลวดลายตารางตกแต่งตัวตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสโป
- ประดิษฐ์ลูกตาวัว เครื่องประดับตัวตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ (องค์ปัจจุบัน)
- ประดิษฐ์ก๊าง (ค้าง) ตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตร
ซึ่งจะมาบังเกิดอีกราว ๒๕๐๐ ปีข้างหน้า เมื่อประดิษฐ์ตุงไจยเสร็จจะนำน้ำขมิ้นส้มป่อยมาประพรมไล่เสนียดจัญไร
สิ่งไม่พึงประสงค์ออกไปจากตุง ให้หมดใสงดงามไร้มลทิน หลังจากนั้นจัดทำสวย (กรวย) ดอกไม้
จัดขัน (พาน) เพื่อนำตุงวางในขันแล้วนำไปถวายพระด้วยจิตใจปลื้มปิติ
ก้มกราบรับพระในรำลึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์
ด้วยเชื่อและหวังให้ตุงนำวิญญาณขึ้นสวรรค์เมื่อตนเองสิ้นชีวิตไปแล้ว
หลังจากถวายตุงแล้วนำตุงมัดปลายก๊างติดปลายเสา
นำเสาตุงไปฝังใกล้ขอบทางเดินแล้วนำหลักสั้นไปตอกใกล้โคนเสาตุงเพื่อผูกมัด
เสาตุงติดหลักให้มั่นคงแล้วปล่อยให้ตุงแขวนติดก๊างให้ปลายตุงด้านล่างสูงราว
ศีรษะของเจ้าของเชื่อว่าตุงได้พ้นจากผิวพื้นดินไม่ปนเปื้อนฝุ่น
ปล่อยให้ตุงโบกไสวสง่างามบอกให้เทวดาฟ้าดินรับทราบถึงศรัทธาใบบุญ
แต่เจ้าของตุงบางคนไม่นิยมนำตุงไจยไปปักกลางแจ้ง ก็จะนำตุงไปแขวนบูชาไว้ในพระวิหาร
แขวนในโบสถ์ให้ตุงเป็นเครื่องสักการะพระพุทธเจ้าอย่างถาวร หลังจากนั้นจึงทำการหยาดน้ำตาน (ทาน)
ตุงอีกครั้งฝากบอกเทวดาฟ้าดินขอให้ปกปักรักษาตุงมิให้เสียหาย
วิธีทำและใช้ประโยชน์เนื่องในงานพิธีกรรม แตกต่างกันออกไปแล้วแต่กรณีความเชื่อในเรื่องตุงหรือการ
“ ตานตุง ” และใช้ตุงในพิธีกรรมต่าง ๆ ดังนี้
๑ . เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงถึง ชัยชนะ ความปิติชื่นชม เกียรติยศ ความสำเร็จ
๒ . เป็นเครื่องหมายแสดงที่ตั้ง สถานที่จับจอง
๓ . เป็นการอุทิศ ส่วนบุญกุศลแก่ตัวเอง และแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ให้อยู่สุขสบายหลุดพ้น จากห้วงนรก
๔ . ใช้เป็นเครื่องบูชาเทวดา ภูตผี ในพิธีสืบชะตา สะเดาะเคราะห์
๕ . เป็นเครื่องหมายนำขบวนแห่เครื่องไทยทาน (ริ้วธง) เช่น ตุงจ้อจ้าง
และนำขบวนแห่ศพเข้าสู่ป่าช้า คือตุงสามหางความจริง ผู้คนสมัยก่อน
เลื่อมใสนับถือพระพุทธศาสนาอย่างลุ่มลึกด้วยความบริสุทธิ์ใจ
จึงได้มีการกล่าวถึงพระพุทธเจ้าถึง ๕ พระองค์
และได้คิดสร้างสรรค์ประดิษฐ์ตุงไจยเพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้า
ทั้ง ๕ พระองค์ด้วยตุงไจยที่มีองค์ประกอบดังนี้
- ประดิษฐ์ ตัวไก่ จับบนก๊าง (ค้าง) ตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันโธ
- ประดิษฐ์ตัวตุงให้ยาวดั่ง ตัวนาค เพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า โกนาคม
- ประดิษฐ์ลวดลายตารางตกแต่งตัวตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสโป
- ประดิษฐ์ลูกตาวัว เครื่องประดับตัวตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ (องค์ปัจจุบัน)
- ประดิษฐ์ก๊าง (ค้าง) ตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตร
ซึ่งจะมาบังเกิดอีกราว ๒๕๐๐ ปีข้างหน้า เมื่อประดิษฐ์ตุงไจยเสร็จจะนำน้ำขมิ้นส้มป่อยมาประพรมไล่เสนียดจัญไร
สิ่งไม่พึงประสงค์ออกไปจากตุง ให้หมดใสงดงามไร้มลทิน หลังจากนั้นจัดทำสวย (กรวย) ดอกไม้
จัดขัน (พาน) เพื่อนำตุงวางในขันแล้วนำไปถวายพระด้วยจิตใจปลื้มปิติ
ก้มกราบรับพระในรำลึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์
ด้วยเชื่อและหวังให้ตุงนำวิญญาณขึ้นสวรรค์เมื่อตนเองสิ้นชีวิตไปแล้ว
หลังจากถวายตุงแล้วนำตุงมัดปลายก๊างติดปลายเสา
นำเสาตุงไปฝังใกล้ขอบทางเดินแล้วนำหลักสั้นไปตอกใกล้โคนเสาตุงเพื่อผูกมัด
เสาตุงติดหลักให้มั่นคงแล้วปล่อยให้ตุงแขวนติดก๊างให้ปลายตุงด้านล่างสูงราว
ศีรษะของเจ้าของเชื่อว่าตุงได้พ้นจากผิวพื้นดินไม่ปนเปื้อนฝุ่น
ปล่อยให้ตุงโบกไสวสง่างามบอกให้เทวดาฟ้าดินรับทราบถึงศรัทธาใบบุญ
แต่เจ้าของตุงบางคนไม่นิยมนำตุงไจยไปปักกลางแจ้ง ก็จะนำตุงไปแขวนบูชาไว้ในพระวิหาร
แขวนในโบสถ์ให้ตุงเป็นเครื่องสักการะพระพุทธเจ้าอย่างถาวร หลังจากนั้นจึงทำการหยาดน้ำตาน (ทาน)
ตุงอีกครั้งฝากบอกเทวดาฟ้าดินขอให้ปกปักรักษาตุงมิให้เสียหาย
- อานิสงส์การทานตุงจึงเกิดความเชื่อนิยมกันมาเป็นลำดับมิเสื่อมคลาย
ในมวลหมู่ชาวพุทธในดินแดนล้านนา
ในมวลหมู่ชาวพุทธในดินแดนล้านนา
- เป็นที่น่าเสียดายปัจจุบันคนบางกลุ่ม บางคนกลับนำตุงไจยที่หมายถึงถึงชัยมงคล
ชัยชนะแก่สิ่งเลวร้าย ชนะอาถรรพ์เสนียดจัญไรกลับนำตุงไจยมาประดับตามร้านค้าไม่เว้นแม้แต่บาร์คลับ
ผับเทค สถานที่อโคจร
ชัยชนะแก่สิ่งเลวร้าย ชนะอาถรรพ์เสนียดจัญไรกลับนำตุงไจยมาประดับตามร้านค้าไม่เว้นแม้แต่บาร์คลับ
ผับเทค สถานที่อโคจร
ตุงมีหลายชนิด ดังนี้
ตุงมงคล
๑ . ตุงไจย (ธงชัย , ธงไชย) โดยมากทำด้วยผ้าขาว อาจมีสีอื่นบ้าง เช่นเหลือง เขียว เป็นผืนยาว
ประดับตกแต่งด้วยลวดลายเป็นรูปดอก พานดอก ปราสาท คน เทวดา ช้าง ม้า นาค ทำเป็นปล้องๆ
หรือขั้นๆ แต่ละขั้นมีไม้สอดแบ่งไว้ ตรงหัวไม้ขั้นจะตกแต่งด้วยมาลัย สร้อยดอก ช่อดอกใบ
ไฮทั้งสองข้างแกว่งไหวสวยงาม ส่วนชายตุง หรือตีนตุง หรือเสื้อตุงก็จะตกแต่งด้วยมาลัย
สร้อยร้อยลูกเดือย เป็นตาข่ายห้อยด้วย ดอกจุมบี๋กระดาษสวยงามส่วนหัวตุง จะทำเป็นลวดลายด้วยไม้
เป็นห่วง (ว้อง) ประมาณ ๓ ห่วง หรือทำเป็นลวดลายต่าง ๆ นำไปผูกกับไม้คานที่เสียบกับคันตุง
ตรงหังตุงนี้หมุนได้ตามแรงลมพัด อาจจะมีการตกแต่งยอดคันตุงให้สวยงามพิศดารออกไปแล้วแต่ “ สล่า ”
ตุงทำเป็นท่อน ๆ ยาวไม่ต่ำกว่า ๗ ท่อน แต่ละท่อนยาว ๙ นิ้ว ในช่วงแต่ละท่อนหรือข้อ
ใช้ไม้ตึงขวางไว้ เพื่อไม่ให้ ตุงพับพันกันเมื่อลมพัดและไม่ให้ตุงยับยู่ยี่
ตุงมงคล
๑ . ตุงไจย (ธงชัย , ธงไชย) โดยมากทำด้วยผ้าขาว อาจมีสีอื่นบ้าง เช่นเหลือง เขียว เป็นผืนยาว
ประดับตกแต่งด้วยลวดลายเป็นรูปดอก พานดอก ปราสาท คน เทวดา ช้าง ม้า นาค ทำเป็นปล้องๆ
หรือขั้นๆ แต่ละขั้นมีไม้สอดแบ่งไว้ ตรงหัวไม้ขั้นจะตกแต่งด้วยมาลัย สร้อยดอก ช่อดอกใบ
ไฮทั้งสองข้างแกว่งไหวสวยงาม ส่วนชายตุง หรือตีนตุง หรือเสื้อตุงก็จะตกแต่งด้วยมาลัย
สร้อยร้อยลูกเดือย เป็นตาข่ายห้อยด้วย ดอกจุมบี๋กระดาษสวยงามส่วนหัวตุง จะทำเป็นลวดลายด้วยไม้
เป็นห่วง (ว้อง) ประมาณ ๓ ห่วง หรือทำเป็นลวดลายต่าง ๆ นำไปผูกกับไม้คานที่เสียบกับคันตุง
ตรงหังตุงนี้หมุนได้ตามแรงลมพัด อาจจะมีการตกแต่งยอดคันตุงให้สวยงามพิศดารออกไปแล้วแต่ “ สล่า ”
ตุงทำเป็นท่อน ๆ ยาวไม่ต่ำกว่า ๗ ท่อน แต่ละท่อนยาว ๙ นิ้ว ในช่วงแต่ละท่อนหรือข้อ
ใช้ไม้ตึงขวางไว้ เพื่อไม่ให้ ตุงพับพันกันเมื่อลมพัดและไม่ให้ตุงยับยู่ยี่
ตุงไจยยังแบ่งออกเป็น
ก. ตุงใย ทำด้วยเส้นด้ายเรียงกันเป็นแผงโดยมีไม้คั่นเป็นขั้น ๆ ตั้งแต่หัวถึงตีน (ชาย) ตุง
จะทอทึบเฉพาะส่วนตรงกลาง ระหว่างคั่นที่มีไม้สอดเท่านั้น
ข. ตุงตั๋น (ทึบ) ทำด้วยเส้นด้ายทอทึบเป็นผืนมักจะทอเป็นรูปต่าง ๆ มีทั้งทอยก และทอจก
ซึ่งเรียกตามภาษาชาวบ้าน ว่า “ เก็บดอก ” บางแห่งใช้วิธีทำสลับกัน คือทอทึบสลับโปร่ง
เป็นช่วงๆ หรือโปร่งเฉพาะหัวตุง ชายตุง หรือตรงกลาง หัวตุงก็มี
ตุงไจย ใช้เป็นเครื่องหมายแสดงถึงชัยชนะ ความสำเร็จ ความปิติยินดีชื่นชม เป็นเกียรติ
จึงใช้ร่วมขบวนแห่ หรือปักไว้ในบริเวณงาน หรือสองข้างทาง เนื่องในงานปอยหลวง
ซึ่งอาจจะเป็นการฉลองถวายทานโบสถ์ วิหาร กุฎิ กำแพง และใช้ในเทศกาลอันเป็น
มงคลทั้งหลาย
ก. ตุงใย ทำด้วยเส้นด้ายเรียงกันเป็นแผงโดยมีไม้คั่นเป็นขั้น ๆ ตั้งแต่หัวถึงตีน (ชาย) ตุง
จะทอทึบเฉพาะส่วนตรงกลาง ระหว่างคั่นที่มีไม้สอดเท่านั้น
ข. ตุงตั๋น (ทึบ) ทำด้วยเส้นด้ายทอทึบเป็นผืนมักจะทอเป็นรูปต่าง ๆ มีทั้งทอยก และทอจก
ซึ่งเรียกตามภาษาชาวบ้าน ว่า “ เก็บดอก ” บางแห่งใช้วิธีทำสลับกัน คือทอทึบสลับโปร่ง
เป็นช่วงๆ หรือโปร่งเฉพาะหัวตุง ชายตุง หรือตรงกลาง หัวตุงก็มี
ตุงไจย ใช้เป็นเครื่องหมายแสดงถึงชัยชนะ ความสำเร็จ ความปิติยินดีชื่นชม เป็นเกียรติ
จึงใช้ร่วมขบวนแห่ หรือปักไว้ในบริเวณงาน หรือสองข้างทาง เนื่องในงานปอยหลวง
ซึ่งอาจจะเป็นการฉลองถวายทานโบสถ์ วิหาร กุฎิ กำแพง และใช้ในเทศกาลอันเป็น
มงคลทั้งหลาย
๒ . ตุงกระด้าง ทำด้วยไม้กระดานเป็นแผ่น แกะสลักลวดลายทึบและโปร่งด้วยการฉลุลาย เรียกว่า
“ ต้องลายผดหล่าย ” ลงรักปิดทอง หรือทา ด้วยน้ำหาง (ชาด) บางอันอาจประดับด้วยแก้วสีสวยงาม
เมื่อถวายทานแล้วใช้ประดับในวิหารโดยตั้งหรือแขวนสองข้างพระประธาน
๓ . ตุงซาววา ลักษณะเหมือนตุงไจยทุกประการ แต่มีความยาวถึง ๒๐ วา
แต่ต่อมาอาจจะสั้นหรือยาวกว่าเล็กน้อยก็คงเรียกว่า ตุงซาววา
เมื่อทานแล้วใช้ประดับในวิหารโดยพาดกลับไปกลับมาบนขื่อวิหารที่พาดกลับไปกลับมาก็เพราะตุงยาวมาก
หากใช้ร่วมขบวนแห่ ต้องให้คนหลาย ๆ คน ช่วยถือตั้งแต่หัวถึงหางตุง
หากจะเก็บหรือประดับนอกวิหารนอกอาคารก็ต้องใช้เสาหลักทำเป็นราวห่างกัน ประมาณ ๑ วา เป็นช่วงๆ
แล้วนำตุงนี้วางพาดบนราวนั้น
“ ต้องลายผดหล่าย ” ลงรักปิดทอง หรือทา ด้วยน้ำหาง (ชาด) บางอันอาจประดับด้วยแก้วสีสวยงาม
เมื่อถวายทานแล้วใช้ประดับในวิหารโดยตั้งหรือแขวนสองข้างพระประธาน
๓ . ตุงซาววา ลักษณะเหมือนตุงไจยทุกประการ แต่มีความยาวถึง ๒๐ วา
แต่ต่อมาอาจจะสั้นหรือยาวกว่าเล็กน้อยก็คงเรียกว่า ตุงซาววา
เมื่อทานแล้วใช้ประดับในวิหารโดยพาดกลับไปกลับมาบนขื่อวิหารที่พาดกลับไปกลับมาก็เพราะตุงยาวมาก
หากใช้ร่วมขบวนแห่ ต้องให้คนหลาย ๆ คน ช่วยถือตั้งแต่หัวถึงหางตุง
หากจะเก็บหรือประดับนอกวิหารนอกอาคารก็ต้องใช้เสาหลักทำเป็นราวห่างกัน ประมาณ ๑ วา เป็นช่วงๆ
แล้วนำตุงนี้วางพาดบนราวนั้น
๔ . ตุงใส้จ้าง (ไส้หมู ตุงพญายอ) เป็นตุงรูปร่างทรงกลมรี ยาวประมาณ ๑ ศอก
ใช้ประดับคัวตานเพื่อความสวยงาม หรือใช้ปักบนกองเจดีย์ทรายในวันพญาวัน ป๋าเวณีปี๋ใหม่ ตุงไส้จ้าง
ทำด้วยกระดาษสี สองสีขึ้นไปซ้อนกัน ๒-๓ แผ่น พับหลายชั้นแล้วพับทะแยงมุมเป็นรูปสามเหลี่ยม
ปลายแหลม ใช้มียับ (กรรไกร) ตัดสลับกันซ้ายขวา
แต่อย่าให้ขาดจากกันส่วนปลายแหลมไปจนถึงส่วนที่เป็นฐานสามเหลี่ยม
แล้วตัดเป็นรูปลวดลายดอกต่างๆ แล้วแต่ถนัด เสร็จคลี่ออก
ใช้มือล้วงเข้าไปจับส่วนปลายแหลมด้านในกลับออกมา ( ปิ้นในเป๋นนอก) แล้วสลัด ( สะวัด)
ให้กระดาษยืดออก จะทำให้ตุงมีสปริง สลับสีสวยงาม
ใช้ประดับคัวตานเพื่อความสวยงาม หรือใช้ปักบนกองเจดีย์ทรายในวันพญาวัน ป๋าเวณีปี๋ใหม่ ตุงไส้จ้าง
ทำด้วยกระดาษสี สองสีขึ้นไปซ้อนกัน ๒-๓ แผ่น พับหลายชั้นแล้วพับทะแยงมุมเป็นรูปสามเหลี่ยม
ปลายแหลม ใช้มียับ (กรรไกร) ตัดสลับกันซ้ายขวา
แต่อย่าให้ขาดจากกันส่วนปลายแหลมไปจนถึงส่วนที่เป็นฐานสามเหลี่ยม
แล้วตัดเป็นรูปลวดลายดอกต่างๆ แล้วแต่ถนัด เสร็จคลี่ออก
ใช้มือล้วงเข้าไปจับส่วนปลายแหลมด้านในกลับออกมา ( ปิ้นในเป๋นนอก) แล้วสลัด ( สะวัด)
ให้กระดาษยืดออก จะทำให้ตุงมีสปริง สลับสีสวยงาม
๕ . ตุงตั๋วนาม ( ตุงสิบสองราศี ) ทำด้วยกระดาษหรือผ้าขาว ถ้าเป็นกระดาษมักจะเป็นกระดาษสา
ตุงนี้โดยมากไม่ค่อยเห็นมีลูกคั่น หรือไม้คั่นเป็นท่อน ๆ ในตัวตุงจะเขียนหรือพิมพ์ เป็นรูปสัตว์ตามราศี
ทั้งสิบสองราศี เรียกว่า “ ตั๋วนามปี๋เกิด ” ตั้งแต่ปีแรก คือ
ไจ้ (หนู)
เป้า (งัว)
ยี (เสือ)
เม้า (กระต่าย)
สี (นาค)
ไส้ (งู)
สะง้า (ม้า)
เม็ด (แป๊ะ , แพะ)
สัน (อี่วอก)
เล้า (ไก่)
เสด (หมา)
ไก่ (จ้าง)
ตุงนี้โดยมากไม่ค่อยเห็นมีลูกคั่น หรือไม้คั่นเป็นท่อน ๆ ในตัวตุงจะเขียนหรือพิมพ์ เป็นรูปสัตว์ตามราศี
ทั้งสิบสองราศี เรียกว่า “ ตั๋วนามปี๋เกิด ” ตั้งแต่ปีแรก คือ
ไจ้ (หนู)
เป้า (งัว)
ยี (เสือ)
เม้า (กระต่าย)
สี (นาค)
ไส้ (งู)
สะง้า (ม้า)
เม็ด (แป๊ะ , แพะ)
สัน (อี่วอก)
เล้า (ไก่)
เสด (หมา)
ไก่ (จ้าง)
ขนาดของตุงประมาณ ๓-๔ นิ้ว ยาว ๒ ศอก ใช้ถวายทานเจดีย์ทราย
โดยนำไปปักบนกองเจดีย์ทรายในวันพญาวันเทศกาลสงกรานต์ (ปี๋ใหม่) และ
บางครั้งใช้ในพิธีกรรมสืบจ๊ะต๋า (สืบชะตา)
โดยนำไปปักบนกองเจดีย์ทรายในวันพญาวันเทศกาลสงกรานต์ (ปี๋ใหม่) และ
บางครั้งใช้ในพิธีกรรมสืบจ๊ะต๋า (สืบชะตา)
๖ . ตุงจ้อจ้าง ทำด้วยผ้า หรือ กระดาษ เป็นผืนขนาดใหญ่รูปสามเหลี่ยม บางทีก็เรียกว่า
“ ตุงสามเหลี่ยม ” เพราะมีขนาดใหญ่จึงเรียกว่า “ จ้อจ้าง ” ขนาดความกว้างตรงฐานสามเหลี่ยมประมาณ
๒ ศอก ความยาวประมาณ ๑ วา การตกแต่ง อาจจะปักลวดลาย ดอก รูป สัตว์ในนิยาย
หรือทำเป็นลายปรุโปร่ง ขลิบขอบตุงทั้งสองด้าน
ใช้เสียบกับคันที่ยาวพอเหมาะโดยพับผ้าตรงฐานสามเหลี่ยม เป็นตุงที่ปล่อยชาย
ไปทางด้านขวางคล้ายธง ใช้เป็นตุงร่วมขบวนแห่คัวตานในงานปอยหลวง กฐินบางแห่งเรียกว่า
“ ตุงจ้อนำตาน ”
“ ตุงสามเหลี่ยม ” เพราะมีขนาดใหญ่จึงเรียกว่า “ จ้อจ้าง ” ขนาดความกว้างตรงฐานสามเหลี่ยมประมาณ
๒ ศอก ความยาวประมาณ ๑ วา การตกแต่ง อาจจะปักลวดลาย ดอก รูป สัตว์ในนิยาย
หรือทำเป็นลายปรุโปร่ง ขลิบขอบตุงทั้งสองด้าน
ใช้เสียบกับคันที่ยาวพอเหมาะโดยพับผ้าตรงฐานสามเหลี่ยม เป็นตุงที่ปล่อยชาย
ไปทางด้านขวางคล้ายธง ใช้เป็นตุงร่วมขบวนแห่คัวตานในงานปอยหลวง กฐินบางแห่งเรียกว่า
“ ตุงจ้อนำตาน ”
๗ . ตุงเจดีย์ทราย นอกจากตุงตั๋วนามแล้ว ยังมีตุงที่ทำด้วยกระดาษหลากสีเล็กๆ
รูปร่างเรียวยาวหลายขนาดแต่ไม่ใหญ่โต กว้างประมาณ ๓-๔ นิ้ว ยาวประมาณช่วงแขน
หรือเล็กกว่านี้ผูกติดคัดไม้เดี่ยวและเป็นกลุ่ม โดยผูกติดกับกิ่งไม้หลายอัน
ใช้ปักบนเจดีย์ทรายในวันขึ้นปี๋ใหม่
รูปร่างเรียวยาวหลายขนาดแต่ไม่ใหญ่โต กว้างประมาณ ๓-๔ นิ้ว ยาวประมาณช่วงแขน
หรือเล็กกว่านี้ผูกติดคัดไม้เดี่ยวและเป็นกลุ่ม โดยผูกติดกับกิ่งไม้หลายอัน
ใช้ปักบนเจดีย์ทรายในวันขึ้นปี๋ใหม่
๘ . ตุงจ้อน้อย คือ ตุงจ้อจ้าง ตุงสามเหลี่ยม ขนาดเล็ก สีต่าง ๆ ใช้ประดับคัวตานและร่วมกับตุงอื่นๆ เพื่อความสวยงาม
๙ . ตุงสามเหลี่ยม (ตุงกฐิน) ทำด้วยผ้าขาว เขียนรูป ตะขาบ จระเข้ ปลา เงือก ปัจจุบันมีรูปร่างทั้งสามเหลี่ยมและสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้ร่วมขบวนแห่กฐิน และนำ ไปปักไว้หน้าวัดที่มีศรัทธา “ จองทอดกฐิน ” เมื่อมีตุงนี้ปักไว้ที่วัดแสดงว่าวัดนี้มีผู้ “ จองกฐิน ” แล้วผู้อื่นจะมาทอดซ้ำมิได้
๑๐ . ตุงร้อยแปด ทำด้วยกระดาษเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ง่าย ๆ หลายสี ใช้ในพิธีกรรมสืบชะตา สะเดาะเคราะห์
๑๑ . ตุงปันจ้อ (พันช่อ) ทำด้วยกระดาษขาวเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็กๆ
มีจำนวนถึงหนึ่งพันช่อติดคันสั้นปักบนฟ่อนหญ้าคา ผูกติดตามเสาวิหาร หรือแขวน ไว้ตามขื่อวิหาร
ใช้ในการบูชากัณฑ์เทศน์มหาชาติ ทั้ง ๑๓ กัณฑ์ รวม ๑ , ๐๐๐ คาถา มักใช้ในงานวัน “ ยี่เป็ง ”
มีจำนวนถึงหนึ่งพันช่อติดคันสั้นปักบนฟ่อนหญ้าคา ผูกติดตามเสาวิหาร หรือแขวน ไว้ตามขื่อวิหาร
ใช้ในการบูชากัณฑ์เทศน์มหาชาติ ทั้ง ๑๓ กัณฑ์ รวม ๑ , ๐๐๐ คาถา มักใช้ในงานวัน “ ยี่เป็ง ”
๑๒ . ตุงค่าคิง ทำด้วยผ้าหรือกระดาษ สีขาวกว้าง ๔ - ๖ นิ้ว
ความยาวยาวเท่าความสูงของตัวคนที่จะทานตุง หรือทำพิธีสืบชะตาของตัวเอง
ความยาวยาวเท่าความสูงของตัวคนที่จะทานตุง หรือทำพิธีสืบชะตาของตัวเอง
๑๓. ตุงพระเจ้าสิบจาด (ตุงทศชาติ , ทศปรามี) เป็นตุงที่ทำด้วยวัสดุต่างๆ
เพื่อบูชาพระปัญญาบารมีแห่งการเสวยพระชาติของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้ง ๑๐ ชาติ
ก่อนที่จะจุติเสวยพระชาติที่ ๑๑ เป็น “ พระพุทธเจ้า ” ตุงนี่จึงมีถึง ๑๑ ตุง แต่เรียกว่า “ ตุงพระเจ้าสิบจาด ”
เพื่อบูชาพระปัญญาบารมีแห่งการเสวยพระชาติของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้ง ๑๐ ชาติ
ก่อนที่จะจุติเสวยพระชาติที่ ๑๑ เป็น “ พระพุทธเจ้า ” ตุงนี่จึงมีถึง ๑๑ ตุง แต่เรียกว่า “ ตุงพระเจ้าสิบจาด ”
มีทั้งหมดดังนี้แบ่งตามวัสดุที่ใช้ทำ
- ตุงดิน บูชา พระชาติเตมียะ
- ตุงทราย บูชา พระชาติชน
- ตุงไม้ บูชา พระชาติสุวรรณสาม
- ตุงจืน (ตะกั่ว) บูชา พระชาติเนมิราช
- ตุงเหียก ( ดีบุก) บูชา พระชาติมโหสถ
- ตุงเหล็ก บูชา พระชาติภูริทัต
- ตุงตอง (ทองเหลือง) บูชา พระชาติจันทกุมาร
- ตุงข้าวเปลือก บูชา พระชาตินารทะ (นารอท)
- ตุงข้าวสาร บูชา พระชาติวิฑูร
- ตุงเงิน บูชา พระชาติเวสสันตระ (เวสสันดร)
- ตุงทองคำ หรือ ตุงคำ บูชา พระชาติสิทธัตถะ (พระพุทธเจ้า)
- ตุงดิน บูชา พระชาติเตมียะ
- ตุงทราย บูชา พระชาติชน
- ตุงไม้ บูชา พระชาติสุวรรณสาม
- ตุงจืน (ตะกั่ว) บูชา พระชาติเนมิราช
- ตุงเหียก ( ดีบุก) บูชา พระชาติมโหสถ
- ตุงเหล็ก บูชา พระชาติภูริทัต
- ตุงตอง (ทองเหลือง) บูชา พระชาติจันทกุมาร
- ตุงข้าวเปลือก บูชา พระชาตินารทะ (นารอท)
- ตุงข้าวสาร บูชา พระชาติวิฑูร
- ตุงเงิน บูชา พระชาติเวสสันตระ (เวสสันดร)
- ตุงทองคำ หรือ ตุงคำ บูชา พระชาติสิทธัตถะ (พระพุทธเจ้า)
๑๔ . ตุงพระบด (พระบฏ) เป็นผืนใหญ่ ขนาด ๒ X ๔ ศอก เขียนรูปพระพุทธเจ้าไว้ตรงกลาง
ใช้ประดับฝาโบสถ์วิหาร ทำเป็นคู่ ๆ ประดับฝาทั้งสองด้าน คล้ายตุงกระด้าง
ใช้ประดับฝาโบสถ์วิหาร ทำเป็นคู่ ๆ ประดับฝาทั้งสองด้าน คล้ายตุงกระด้าง
๑๕ . ตุงยอดพระธาตุ (จ้อตุง) ทำด้วยโลหะที่มีค่า เช่น เงิน ทองคำ ทองเหลือง เป็นรูปสามเหลี่ยม
ขนาดไม่จำกัด ใช้ประดับบนยอดพระธาตุเหนือจากฉัตรขึ้นไป ที่ประเทศพม่านั้น “ จ้อตุง ”
ทำเป็นคัดสวมลงในกระบอกสามารถหมุนได้ เมื่อลมพัดมา นอกจากจะสวยงานแล้ว
ยังสามารถบอก ทิศทางลงได้อีกด้วย ตุงยอดธาตุ ถือว่าเป็นของมีค่าและสำคัญ
ขนาดไม่จำกัด ใช้ประดับบนยอดพระธาตุเหนือจากฉัตรขึ้นไป ที่ประเทศพม่านั้น “ จ้อตุง ”
ทำเป็นคัดสวมลงในกระบอกสามารถหมุนได้ เมื่อลมพัดมา นอกจากจะสวยงานแล้ว
ยังสามารถบอก ทิศทางลงได้อีกด้วย ตุงยอดธาตุ ถือว่าเป็นของมีค่าและสำคัญ
๑๖ . ตุงแฮ คือตุงที่ทำด้วย ผ้าแฮ ( ผ้าที่โปร่งบางอ่อน) แต่ไม่ใช่ผ้าแพรซึ่งทึบแต่อ่อนพริ้ว
ปัจจุบันมักเข้าใจว่าเป็นอันเดียวกัน มีลักษณะ
หลายรูปแบบใช้ประโยชน์หลายอย่างตามรูปแบบตุงเพียงแต่ทำด้วย “ ผ้าแฮ ” เท่านั้น
ปัจจุบันมักเข้าใจว่าเป็นอันเดียวกัน มีลักษณะ
หลายรูปแบบใช้ประโยชน์หลายอย่างตามรูปแบบตุงเพียงแต่ทำด้วย “ ผ้าแฮ ” เท่านั้น
๑๗ . ตุงไม้ ที่ประดับด้วยวัสดุต่างๆ เช่น ประดับหรือฉาบด้วยทราย เรียกว่า “ ตุงทราย ” วัสดุอื่นๆได้แก่
ตุงข้าวเปลือก ตุงข้าวสาร ตุงแก้ว ตุงดิน ใช้ในพิธีกรรมและงานบุญต่าง ๆ
ตุงข้าวเปลือก ตุงข้าวสาร ตุงแก้ว ตุงดิน ใช้ในพิธีกรรมและงานบุญต่าง ๆ
๑๘ . ตุงฮาว เป็นรูปสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ทำด้วยกระดาษ หรือผ้า เป็นสีต่าง ๆ ขนาดประมาณฝ่ามือ
หรือโตกว่านั้นเล็กน้อย ใช้ประดับอาคาร ประรำผามเบียง เต้น รั้ว โดยทากาวติดกับเส้นด้าย เชือกมัดขึง
ใช้ในงานบุญ วันสำคัญ ปัจจุบันมักจะเป็นธงชาติ ธงเสมาธรรมจักร ตุงอวมงคล
หรือโตกว่านั้นเล็กน้อย ใช้ประดับอาคาร ประรำผามเบียง เต้น รั้ว โดยทากาวติดกับเส้นด้าย เชือกมัดขึง
ใช้ในงานบุญ วันสำคัญ ปัจจุบันมักจะเป็นธงชาติ ธงเสมาธรรมจักร ตุงอวมงคล
ตุงอวมงคล
๑๙ . ตุงแดง ทำด้วยผ้าสีแดง ลักษณะคล้ายตุงไจย แต่ต่างกันตรงสี ที่เป็นสีแดง
หากมีคนตายมักจะตายด้วยอุบัติเหตุ หรือตายโหง หลังจากนั้น ๗ วัน หรือภายใน ๗ วัน
จะต้องนำตุงแดงมาปักไว้ตรงจุดที่ตาย พร้อมกองทรายกองใหญ่ ๑ กอง กองเล็ก ๑๐๐ กอง
และเครื่องสังเวย ( ขันข้าว) มาทำพิธีตานตุง เพื่อให้วิญญาณผู้ตายหลุดพ้นไปผุดไปเกิด
ไม่เป็นผีวนเวียนอยู่ตรงนั้น นอกจากนี้ตุงแดงยังสามารถ ทานแก่ผู้ล่วงลับไปแล้วในวันปีใหม่ได้อีกด้วย
ใช้เป็นเครื่องอุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่ผู้ตาย และสูตถอน
หากมีคนตายมักจะตายด้วยอุบัติเหตุ หรือตายโหง หลังจากนั้น ๗ วัน หรือภายใน ๗ วัน
จะต้องนำตุงแดงมาปักไว้ตรงจุดที่ตาย พร้อมกองทรายกองใหญ่ ๑ กอง กองเล็ก ๑๐๐ กอง
และเครื่องสังเวย ( ขันข้าว) มาทำพิธีตานตุง เพื่อให้วิญญาณผู้ตายหลุดพ้นไปผุดไปเกิด
ไม่เป็นผีวนเวียนอยู่ตรงนั้น นอกจากนี้ตุงแดงยังสามารถ ทานแก่ผู้ล่วงลับไปแล้วในวันปีใหม่ได้อีกด้วย
ใช้เป็นเครื่องอุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่ผู้ตาย และสูตถอน
๒๐. ตุงสามหาง ทำด้วยผ้าสีขาว หาง (ชายตุง มี ๓ แฉก) ใช้นำหน้าศพ
ตุงสามหางทำขึ้นตามคติความเชื่อกันว่า เมื่อตายแล้ววิญญาณจะต้องไปเกิดในภพภูมิใดภพหนึ่ง ตามกุศลผลบุญที่ได้เคยแต่งสร้างไว้ หวังให้หางตุงทั้งสาม พัดพานำเอาวิญญาณไปสู่ภพภูมิที่ดี
หางทั้งสามมีผู้รู้นักปราชญ์ได้อธิบายความหมายไว้ว่า
1.พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือแก้วทั้งสาม
2.อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
3อกุศลมูล3 โลภ โกรธ หลง
4.กมภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ
5เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
6.วัฏฏะทั้งสาม กิเลส กรรม วิบาก
ตามคติของชาวล้านนาถือว่ามนุษย์ทุกคนย่อมมีวันพ่ายแพ้ต่อพญามัจจุราช การถือตุงสามหางนำหน้าศก็เปรียบเสมือนการยอมพ่ายแพ้ต่อพญามัจจุราช โดยใช้นำหน้าขบวนศพไปสู่สุสานป่าช้า มีลักษณะ2แบบคือ
ของพระสงฆ์นิยมใช้ผ้าสีเหลือง หรือนำผ้าสบงผืนใหม่มาตัดทำเป็นรูปตุงประดับลวดลายด้วยกระดาษเงินกระดาษทอง
ของชาวบ้านทั่วไป นิยมใช้กระดาษสา หรือผ้าขาวมาตัดให้เป็นรูปตุง ประดับด้วยลวดลายพื้นเมือง
ตุงสามหางเป็นตุงที่ใช้ในงานอวมังกะละ(มงคล)หรืองานศพ ผู้คนล้านนามีความเชื่อเกี่ยวกับตุงสามหางด้วยว่าเป็นตุงที่ทำให้วิญญาณผู้ ตายได้ไปสู่สวรรค์เพราะเชื่อกันว่าตุงสามหางเหมือนดั่งธงในสวรรค์ชั้น ดาวดึงส์เมื่อนำมาถือนำหน้าศพไปสู่ป่าช้าก็เหมือนดั่งนำเอาดวงวิญญาณผู้ตาย ไปสู่สวรรค์นั่นเอง
ตุงสามหางต้องทำด้วยผ้าสีขาวผ่องใส ส่วนวิธีการทำมีข้อแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น บางแห่งมีการตั้งขันครู ไหว้สาครูก่อนแล้วให้สะหล่า(ช่าง)เป็นผู้ทำ บางแห่งอาจให้ปู่อาจารย์วัดเป็นผู้ทำ เพราะเชื่อกันว่าตุงสามหางเป็นตุงอวมงคล ผู้ทำต้องมีคาถาอาคมแก่กล้า หรือต้องเป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับช่างทำตุงโดยเฉพาะ เป็นต้น เรื่องนี้มักขึ้นอยู่กับผู้คนแต่ละพื้นที่
เมื่อได้ผ้าขาวมาแล้ว บางตำราให้กะแบ่งเป็นสี่ส่วน ตัดทำเป็นตัวตุงหนึ่งส่วน ตัวตุงสองส่วน และหางตุงอีกหนึ่งส่วน รูปร่างลักษณะตุงสามหางให้ตัดแต่งคล้ายรูปลักษณะของคน โดยส่วนบนตัดแต่งเป็นศีรษะ อาจแต่งเป็นแหลมหรือมนโค้งแล้วแต่สะหล่า(ช่าง)จะทำกัน ส่วนตัวตุงตัดแต่งโค้งเว้าคล้ายแอว(เอว)คน และส่วนล่างที่เป็นหางให้แบ่งออกเป็นสามส่วนตัดแบ่งออกเป็นสามหางให้สวยงาม ก็จะได้ตุงสามหาง ส่วนการตกแต่งอาจนำผ้า ด้ายกระดาษ อะไรๆก็ได้ นำมาติดขลิบริมขอบให้สวยงาม ส่วนข้างบนที่หัวตุงจะเขียนชื่อ วันเดือนปีเกิด วันที่เสียชีวิตติดแปะไว้ให้ผู้คนได้อ่าน เป็นข้อมูลให้ทราบว่าผู้ตายชื่ออะไร ชาตะ(เกิด)วันใดปีใด มตะ(ตาย)วันใดปีใด อายุรวมกี่ปี ผู้ที่ไปงานศพก็จะได้ทราบข้อมูลผู้ตายอย่างย่อได้ การใช้ตุงสามหางจะให้คนแบกนำหน้าขบวนศพไปสู่ป่าช้า
ช้อน่าสังเกตเกี่ยวกับผู้แบกตุงสามหาง หากท่านไปงานศพลองสังเกตดูให้ดีๆจะพบว่าผุ้ที่แบกตุงสามมักเป็นคนที่ติด เหล้า เป็นผู้ที่ยากจน รูปร่างผอมกะหร่องหรือเป็นขี้หย้องหม่องแซเป็นคนยากไร้รับจ้างทั่วไป หรือเป็นคนมักไม่เต็มบาท เพราะเชื่อกันว่าตุงสามหางเป็นตุงที่เกี่ยวกับผีๆ แม้แต่ลูกหลาน ญาติพี่น้องผู้ตายก็ไม่นิยมถือแบกนำหน้าศพผู้ตายซึ่งเป็นญาติหรือพ่อแม่ นานๆครั้งจึงจะเห็นญาติหรือเพื่อนผู้ใกล้ชิดผู้ตายจะมาแบกตุงสามหางนำหน้าศพ และจะรวบหางตุงมิให้ปลิว เพราะผู้คนบางท้องถิ่นเชื่อกันว่าจะทำให้ดวงวิญญาณผู้ตายไม่ไปสู่สวรรค์ อย่างไรก็ตามยังมีข้อแตกต่างเรื่องของความเชื่อกันอยู่บ้างขึ้นอยู่กับท้อง ถิ่นและความเชื่อ
อาถรรพ์และความเชื่อเกี่ยวกับตุงสามหางมีมานานกล่าวคือเมื่อตุงสามหางนำ ศพไปถึงป่าช้าแล้วผู้ที่ถือพระคาถาหรือเล่นเกี่ยวกับยันต์ การปลุกเสกต่างๆมักจะตัดเอาตุงสามหางมาใช้ทำเสน่ห์ เท่าที่พบเห็นจากเรื่อง ลิลิตพระลอตอนที่ปู่เจ้าสมิงพรายเอาตุงสามหางทำเสน่ห์ให้พระลอหลงรักพระ เพื่อนพระแพงว่า" ปู่ก็เอาธงสามชาย รายยันต์มากกว่าเก่า เขียนพระลอเจ้าอยู่กลาง เขียนสองนางแนบสองข้าง กอดเจ้าช้างรัดรึง ชักทึงท้าวชวนเต้า.." จะเห็นว่าปู่เจ้าสมิงพรายเอาธงสามชาย(ตุงสามหาง)มาทำมนต์
เสน่ห์ เรื่องของตุงสามหางที่ใช้ในการทำเสน่ห์นั้น..ว่ากันว่าถ้าได้ตุงสามหางของคนที่ตายวันเสาร์แล้วเผาวันอังคารนั้นแรงนัก แต่หาได้ยากยิ่งครับ..ผมใช้เวลากว่า1ปีถึงจะได้มา และก็เหมือนว่าเป็นอาถรรพ์ เพราะได้ตุงของเพื่อนที่ไม่เจอกันนานเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง จากนั้นนำไปให้พระอาจารย์ที่วัดแห่งหนึ่งในอ.สันกำแพงเขียนยันต์และปลุกเสกให้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก...อ.นิคม พรหมเทพ
http://www.pooyajaonai.com
หางทั้งสามมีผู้รู้นักปราชญ์ได้อธิบายความหมายไว้ว่า
1.พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือแก้วทั้งสาม
2.อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
3อกุศลมูล3 โลภ โกรธ หลง
4.กมภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ
5เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
6.วัฏฏะทั้งสาม กิเลส กรรม วิบาก
ตามคติของชาวล้านนาถือว่ามนุษย์ทุกคนย่อมมีวันพ่ายแพ้ต่อพญามัจจุราช การถือตุงสามหางนำหน้าศก็เปรียบเสมือนการยอมพ่ายแพ้ต่อพญามัจจุราช โดยใช้นำหน้าขบวนศพไปสู่สุสานป่าช้า มีลักษณะ2แบบคือ
ของพระสงฆ์นิยมใช้ผ้าสีเหลือง หรือนำผ้าสบงผืนใหม่มาตัดทำเป็นรูปตุงประดับลวดลายด้วยกระดาษเงินกระดาษทอง
ของชาวบ้านทั่วไป นิยมใช้กระดาษสา หรือผ้าขาวมาตัดให้เป็นรูปตุง ประดับด้วยลวดลายพื้นเมือง
ตุงสามหางเป็นตุงที่ใช้ในงานอวมังกะละ(มงคล)หรืองานศพ ผู้คนล้านนามีความเชื่อเกี่ยวกับตุงสามหางด้วยว่าเป็นตุงที่ทำให้วิญญาณผู้ ตายได้ไปสู่สวรรค์เพราะเชื่อกันว่าตุงสามหางเหมือนดั่งธงในสวรรค์ชั้น ดาวดึงส์เมื่อนำมาถือนำหน้าศพไปสู่ป่าช้าก็เหมือนดั่งนำเอาดวงวิญญาณผู้ตาย ไปสู่สวรรค์นั่นเอง
ตุงสามหางต้องทำด้วยผ้าสีขาวผ่องใส ส่วนวิธีการทำมีข้อแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น บางแห่งมีการตั้งขันครู ไหว้สาครูก่อนแล้วให้สะหล่า(ช่าง)เป็นผู้ทำ บางแห่งอาจให้ปู่อาจารย์วัดเป็นผู้ทำ เพราะเชื่อกันว่าตุงสามหางเป็นตุงอวมงคล ผู้ทำต้องมีคาถาอาคมแก่กล้า หรือต้องเป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับช่างทำตุงโดยเฉพาะ เป็นต้น เรื่องนี้มักขึ้นอยู่กับผู้คนแต่ละพื้นที่
เมื่อได้ผ้าขาวมาแล้ว บางตำราให้กะแบ่งเป็นสี่ส่วน ตัดทำเป็นตัวตุงหนึ่งส่วน ตัวตุงสองส่วน และหางตุงอีกหนึ่งส่วน รูปร่างลักษณะตุงสามหางให้ตัดแต่งคล้ายรูปลักษณะของคน โดยส่วนบนตัดแต่งเป็นศีรษะ อาจแต่งเป็นแหลมหรือมนโค้งแล้วแต่สะหล่า(ช่าง)จะทำกัน ส่วนตัวตุงตัดแต่งโค้งเว้าคล้ายแอว(เอว)คน และส่วนล่างที่เป็นหางให้แบ่งออกเป็นสามส่วนตัดแบ่งออกเป็นสามหางให้สวยงาม ก็จะได้ตุงสามหาง ส่วนการตกแต่งอาจนำผ้า ด้ายกระดาษ อะไรๆก็ได้ นำมาติดขลิบริมขอบให้สวยงาม ส่วนข้างบนที่หัวตุงจะเขียนชื่อ วันเดือนปีเกิด วันที่เสียชีวิตติดแปะไว้ให้ผู้คนได้อ่าน เป็นข้อมูลให้ทราบว่าผู้ตายชื่ออะไร ชาตะ(เกิด)วันใดปีใด มตะ(ตาย)วันใดปีใด อายุรวมกี่ปี ผู้ที่ไปงานศพก็จะได้ทราบข้อมูลผู้ตายอย่างย่อได้ การใช้ตุงสามหางจะให้คนแบกนำหน้าขบวนศพไปสู่ป่าช้า
ช้อน่าสังเกตเกี่ยวกับผู้แบกตุงสามหาง หากท่านไปงานศพลองสังเกตดูให้ดีๆจะพบว่าผุ้ที่แบกตุงสามมักเป็นคนที่ติด เหล้า เป็นผู้ที่ยากจน รูปร่างผอมกะหร่องหรือเป็นขี้หย้องหม่องแซเป็นคนยากไร้รับจ้างทั่วไป หรือเป็นคนมักไม่เต็มบาท เพราะเชื่อกันว่าตุงสามหางเป็นตุงที่เกี่ยวกับผีๆ แม้แต่ลูกหลาน ญาติพี่น้องผู้ตายก็ไม่นิยมถือแบกนำหน้าศพผู้ตายซึ่งเป็นญาติหรือพ่อแม่ นานๆครั้งจึงจะเห็นญาติหรือเพื่อนผู้ใกล้ชิดผู้ตายจะมาแบกตุงสามหางนำหน้าศพ และจะรวบหางตุงมิให้ปลิว เพราะผู้คนบางท้องถิ่นเชื่อกันว่าจะทำให้ดวงวิญญาณผู้ตายไม่ไปสู่สวรรค์ อย่างไรก็ตามยังมีข้อแตกต่างเรื่องของความเชื่อกันอยู่บ้างขึ้นอยู่กับท้อง ถิ่นและความเชื่อ
อาถรรพ์และความเชื่อเกี่ยวกับตุงสามหางมีมานานกล่าวคือเมื่อตุงสามหางนำ ศพไปถึงป่าช้าแล้วผู้ที่ถือพระคาถาหรือเล่นเกี่ยวกับยันต์ การปลุกเสกต่างๆมักจะตัดเอาตุงสามหางมาใช้ทำเสน่ห์ เท่าที่พบเห็นจากเรื่อง ลิลิตพระลอตอนที่ปู่เจ้าสมิงพรายเอาตุงสามหางทำเสน่ห์ให้พระลอหลงรักพระ เพื่อนพระแพงว่า" ปู่ก็เอาธงสามชาย รายยันต์มากกว่าเก่า เขียนพระลอเจ้าอยู่กลาง เขียนสองนางแนบสองข้าง กอดเจ้าช้างรัดรึง ชักทึงท้าวชวนเต้า.." จะเห็นว่าปู่เจ้าสมิงพรายเอาธงสามชาย(ตุงสามหาง)มาทำมนต์
เสน่ห์ เรื่องของตุงสามหางที่ใช้ในการทำเสน่ห์นั้น..ว่ากันว่าถ้าได้ตุงสามหางของคนที่ตายวันเสาร์แล้วเผาวันอังคารนั้นแรงนัก แต่หาได้ยากยิ่งครับ..ผมใช้เวลากว่า1ปีถึงจะได้มา และก็เหมือนว่าเป็นอาถรรพ์ เพราะได้ตุงของเพื่อนที่ไม่เจอกันนานเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง จากนั้นนำไปให้พระอาจารย์ที่วัดแห่งหนึ่งในอ.สันกำแพงเขียนยันต์และปลุกเสกให้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก...อ.นิคม พรหมเทพ
http://www.pooyajaonai.com
How to deposit $1xbet (1xbet) in Canada - Ride to Vegas Casino
ตอบลบThe easiest and quickest way to withdraw money from 논산 출장안마 casino is to deposit 영주 출장안마 and fund 과천 출장마사지 your account using the instant 강릉 출장마사지 withdrawal link on this 1xbet 먹튀 page.